Page 89 - kpiebook65015
P. 89
88 ประเด็นส�ำคัญที่พึงมีและควรแก้ไขตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2560 :
การได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน และเพื่อให้ระบบเลือกตั้งมีความยืดหยุ่นและปรับแก้ไข
ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้ จึงไม่ควรก�าหนดระบบเลือกตั้งไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ให้ก�าหนดไว้
ในกฎหมายเลือกตั้ง ดังเช่นประเทศเยอรมันได้ก�าหนดระบบเลือกตั้งไว้ในกฎหมาย
เลือกตั้งสหพันธ์ ท�าให้สภาของเยอรมันสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อเสียของระบบเลือกตั้ง
64
ได้โดยไม่ยากเกินไป
ส�าหรับประเทศไทยนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 เป็นต้นมาได้ก�าหนด
ระบบเลือกตั้งเอาไว้ในรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด ท�าให้ปรับปรุงแก้ไขระบบเลือกตั้ง
ได้ยาก ทั้งยังเกิดปัญหาความซ�้าซ้อนที่ต้องบัญญัติและแก้ไขในกฎหมายเลือกตั้งอีก
โดยในเรื่องระบบเลือกตั้งของประเทศไทยนั้นกล่าวโดยสรุปได้ว่า ก่อนหน้ารัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2540 การตัดสินใจว่าจะใช้ระบบเลือกตั้งใดจะเน้นเรื่องการจัดการเลือกตั้งที่
ไม่ยุ่งยากเกินไปเป็นหลัก โดยที่ไม่ค่อยให้ความส�าคัญกับเรื่องเป้าหมาย โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในเรื่องการสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน ประเทศไทยจึงใช้ ระบบเลือกตั้ง
เสียงข้ำงมำกธรรมดำ มาโดยตลอด โดยในช่วงแรกใช้ ระบบเสียงข้างมากธรรมดา
เขตละคน (เลือกตั้งครั้งที่ 2-4 ดูตาราง 2) ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นระบบเสียงข้างมาก
ธรรมดา เขตละหลำยคน (เลือกตั้งครั้งที่ 5-19 ดูตาราง 3) จนถึงรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540
จึงได้มีการน�า ระบบคู่ขนำน มาใช้เป็นครั้งแรก คือใช้ ระบบสัดส่วนบัญชีรำยชื่อ
65
มาผสมแบบ “คู่ขนาน” กับ ระบบเสียงข้ำงมำกธรรมดำ (เลือกตั้งครั้งที่ 20-23
64 ประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่มีการแก้ไขระบบเลือกตั้งค่อนข้างบ่อย นับตั้งแต่ประกาศใช้
กฎหมายเลือกตั้งสหพันธ์ มีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว 26 ฉบับล่าสุดคือ Sechsundzwanzistes
Gesetz zur Änderung des Bundeswahlgesetzes (26.BWahlGÄndG) แก้ไขวันที่ 3 มิถุนายน
ค.ศ.2021
65 รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ใช้ระบบเสียงข้างมากธรรมดาเขตละคน ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
ใช้ระบบเสียงข้างมากธรรมดาเขตละหลายคน (ไม่เกิน 3 คน) แต่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปี 2554
ได้กลับมาหาระบบเสียงข้างมากธรรมดาเขตละคนอีกครั้ง