Page 212 - kpiebook64011
P. 212
ในขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ยังคุ้นเคย รู้สึกชื่นชอบ และได้รับข้อมูลของผู้สมัครจากรูปแบบการหาเสียงแบบเก่า
ส าหรับการหาเสียงออนไลน์ซึ่งเป็นรูปแบบการหาเสียงที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองให้ใช้หาเสียงได้ใน
ครั้งนี้ กลับไม่เป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งและกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ประการที่สอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากกลุ่มการเมืองใหญ่ในพื้นที่ยังคงใช้รูปแบบและวิธีการหาเสียง
แบบปิดลับอย่างเข้มข้นผ่านการท างานของจักรกลการเมือง กลุ่มการเมืองใหญ่ในพื้นที่ต่างสร้างจักรกล
การเมืองของฝ่ายตนเอง และมีหัวคะแนนเป็นหัวใจส าคัญของจักรกลการเมืองเพื่อท าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
และระดมคะแนนเสียงให้แก่ตัวผู้สมัครและกลุ่มของตนเอง หัวคะแนนเหล่านี้มีการจัดโครงสร้างและวาง
บทบาทอย่างเป็นระบบ อันประกอบไปด้วย หัวคะแนนวงใน หัวคะแนนคุมพื้นที่ใหญ่ หัวคะแนนคุมพื้นที่ย่อย
และหัวคะแนนคุมย่านหรือกลุ่มบ้าน นอกจากนี้ยังต้องมีทักษะด้านการสื่อสาร ทักษะการอ่านธรรมชาติของผู้มี
สิทธิเลือกตั้งแต่ละบ้าน ทักษะการประสานอ านาจระหว่างกลุ่มหัวคะแนนด้วยกันเอง เพื่อให้การระดมคะแนน
เสียงส าเร็จตามเป้าหมายที่ก าหนด นอกจากนี้ โครงการและงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดก็ถูก
น ามาใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงตอบแทนและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างสมาชิกใน
จักรกลการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สมัครที่ด ารงต าแหน่งอยู่ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดก่อนการเลือกตั้ง มัก
ใช้กลไกงบประมาณและโครงการที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง
เพื่อก ากับผู้บริหารและสมาชิกสภาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่างให้เข้ามาอยู่ในเครือข่ายและ
กลายเป็นหัวคะแนนของฝ่ายตน
ประการที่สาม ทรัพยากรที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้ในการหาเสียงมักมีแหล่งที่มาจากสองแหล่ง กล่าวคือ
แกนน ากลุ่มและเครือข่ายระดมทรัพยากรมาสนับสนุนผู้สมัคร และทรัพยากรของตัวผู้สมัครเอง อย่างไรก็ตาม
พรรคการเมืองระดับชาติ หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนก็ให้การสนับสนุนทรัพยากรการเงิน และ
เครือข่ายหัวคะแนนให้แก่ผู้สมัครบางกลุ่มด้วยเช่นกัน
ประการที่สี่ การหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งจะถูกก ากับด้วยข้อก าหนดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการหา
เสียง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการจะใช้จ่ายส าหรับการหาเสียงได้ไม่เกิน 7,200,000
บาท และผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะใช้จ่ายได้ไม่เกิน 360,000 บาท แต่ในความเป็นจริง
แล้ว ข้อก าหนดดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งจัดท าบัญชีค่าใช้จ่ายเพื่อน าเสนอต่อ
คณะกรรมการการเลือกตั้งประจ าจังหวัดเท่านั้น เพราะไม่สามารถก ากับการใช้จ่ายจริงของผู้สมัครได้ ผู้สมัคร
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดรายหนึ่งมีค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเกินกว่าที่ระเบียบก าหนดไปถึง 5000%
หรือผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบางรายมีค่าใช้จ่ายเกินกว่าระเบียบก าหนดถึง 2,700%
ประการที่ห้า หนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักของผู้สมัครรับเลือกตั้งคือ การซื้อเสียง การศึกษาครั้งนี้วิเคราะห์
การซื้อเสียงในฐานะกระบวนหนึ่งของการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่าร้อยละ 80 พบเห็นการซื้อ
เสียงโดยทั่วไป และมีทัศนะว่าการซื้อเสียงไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือก หากแต่มีผลในแง่การประชาสัมพันธ์จูง
ใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหันมาสนใจตัวผู้สมัครที่แจกเงิน ข้อค้นพบที่ส าคัญอีกประการคือ การซื้อเสียงมีผลต่อการ
พัฒนาเศรษฐกิจการเมือง (political-economic development) รวมถึงการก่อรูปของความสัมพันธ์ทาง
สังคมในรูปแบบใหม่ ๆ ในพื้นที่ เพราะเหตุว่าการซื้อเสียงช่วยกระตุ้นให้เกิดโครงการพัฒนาในพื้นที่ แม้จะเป็น
โครงการที่ด้อยคุณภาพแต่โครงการพัฒนาดังกล่าวสามารถผันเงินส่วนต่างกลับมายังผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ด ารง
ต าแหน่งในองค์การบริหารส่วนจังหวัดช่วงก่อนการเลือกตั้งได้ อีกทั้งการซื้อเสียงยังท าให้โครงสร้างเชิงสถาบัน
โครงการศึกษาการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ปี 2563: การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 194