Page 34 - kpiebook63032
P. 34

33








                  การเลือกตั้งตำาแหน่งต่างๆ จำานวนหนึ่งอย่างสมำ่าเสมอและเป็นระยะตามที่กำาหนดไว้ล่วงหน้า แต่ผู้ออกเสียง

                  เลือกตั้งไม่อาจใช้สิทธิของตนได้อย่างเสรีตามความหมายของคำาเพราะว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งที่รัฐ
                  จัดให้มีเพียงคนเดียว (Single candidate elections) การเลือกตั้งแบบนี้จึงเป็นการเลือกตั้งที่มีแต่รูปแบบ

                  ส่วนเนื้อหาขาดการแข่งขันกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้ง
                  ที่มีความหมายอย่างแท้จริงและไม่เป็นการเลือกตั้งที่เสรี


                          3. การเลือกตั้งที่ประชาชนมีเสรีภาพในการนำาเสนอตัวเข้ารับการแข่งขัน (Freedom to put
                  forth candidates) ในการเลือกตั้งที่ถือว่าเสรีนั้น พลเมืองทุกคนต้องมีเสรีภาพในการรวมตัวกันจัดตั้ง

                  พรรคการเมือง (Form political parties) และส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง (Put forth candidates)


                          4. ประชาชนมีเสรีภาพที่จะรู้จักผู้สมัครรับเลือกตั้งรวมทั้งนโยบายของเขา (Freedom to know

                  and discuss the choices) การเลือกตั้งที่ได้ชื่อว่าเสรีนั้นพลเมืองผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งโดยทั่วไปต้อง
                  มีเสรีภาพที่จะรู้จักคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งพอสมควรว่าเขามีความเหมาะสมอย่างไรและทำาไม
                  นโยบายของเขาหรือพรรคการเมืองที่เขาสังกัดจึงควรได้รับเลือก การที่จะทำาให้เงื่อนไขนี้เป็นไปได้และ

                  เกิดความเสมอภาคระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วยกัน บางทีรัฐหรือเจ้าหน้าที่ที่มีอำานาจหน้าที่ในการจัด

                  การเลือกตั้งก็ต้องจัดทำาโอกาสให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ใช้สื่อมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ในช่วงระยะเวลา
                  หนึ่งๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้สมัครที่ยากจนจะมีโอกาสได้ประชาสัมพันธ์
                  ตนเองได้ตามความเหมาะสม


                          5. พลเมืองที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ทุกคนมีสิทธิเลือกตั้ง (Universal adult suffrage) การเลือกตั้งจะได้

                  ชื่อว่าเสรี พลเมืองที่เป็นผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศต้องมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ในปัจจุบันประเทศประชาธิปไตย
                  ที่มั่นคงทั้งหลายทั่วโลกนิยมใช้เกณฑ์ประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง


                          6. นำ้าหนักของคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่ากัน (Equal weighting of votes) การเลือกตั้งที่เรียกได้ว่า

                  เสรี คะแนนเสียงของพลเมืองทุกคนต้องมีค่าเท่ากัน เกณฑ์ข้อนี้เป็นไปตามหลักความเสมอภาคในสิทธิ
                  ทางการเมือง (Political equality) ของระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่ถือว่าพลเมืองมี

                  ความเสมอภาค เมื่อใช้เกณฑ์นี้ความแตกต่างระหว่างศาสนาและความมั่งคั่งจะไม่ก่อให้เกิดความแตกต่าง
                  ในนำ้าหนักของคะแนนเสียงเลือกตั้งของเขา


                          7. การลงคะแนนลับหรือการเลือกตั้งของพลเมืองไม่ถูกคุกคาม (Free registration of choices)

                  การเลือกตั้งที่เสรี การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของพลเมืองต้องจัดให้เป็นความลับ นั่นคือ ไม่มีใครสามารถ
                  ล่วงรู้ได้ว่าใครลงคะแนนให้ใคร มาตรการดังกล่าวนี้มีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรู้สึก

                  ลำาบากใจว่าจะถูกบังคับ ข่มขู่ หรือล้างแค้นลงโทษโดยผู้สมัครรับเลือกตั้ง การที่จะทำาให้มาตรการนี้ใช้
                  ปฏิบัติได้ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจึงต้องจัดหาสถานที่ (เช่น คูหาที่ใช้กาบัตรเลือกตั้ง) และอุปกรณ์

                  (หีบใส่บัตรเลือกตั้งที่กาแล้ว) ในการเลือกตั้งเพื่อให้บรรลุคำาว่า การลงคะแนนลับ (Secret ballot)
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39