Page 9 - kpiebook63014
P. 9
8 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562
จังหวัดสุรินทร์
การยอมรับอำานาจรัฐที่เอื้อเฟื้อสวัสดิการทางสังคมที่เป็นประโยชน์สำาหรับสภาวะเศรษฐกิจที่ยำ่าแย่ ดังนั้น
จึงไม่อยากเปลี่ยนแปลงอำานาจรัฐ เพราะไม่ต้องการให้ผลประโยชน์ของตนสูญเสียไป แม้จะต้องแลกกับ
สิทธิและเสรีภาพทางการเมืองที่ถูกจำากัด กับกลุ่มคนที่ต้องการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนผ่าน
ข้อจำากัดด้านสิทธิเสรีภาพทางการเมือง และมุ่งหวังว่าการเปลี่ยนผ่านนั้นจะนำามาซึ่งความสามารถในการ
มีส่วนร่วมรัฐบาลในการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับการมีเสรีภาพทางการเมือง
ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงสภาพการเมืองที่เป็นอยู่ แม้ว่า
กระบวนการกล่อมเกลาทางการเมืองที่มีอิทธิพลอย่างสถาบันครอบครัว ก็ไม่สามารถที่จะมีอิทธิพล
ต่อการตัดสินใจของคนกลุ่มนี้ได้เหมือนในอดีต ปัจจัยที่มีอิทธิพลในการกล่อมเกลาคนกลุ่มนี้คือบรรดา
ช่องทางการสื่อสารทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารทางโลกออนไลน์ รวมทั้งการมีกลุ่มเพื่อนที่
อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน เป็นส่วนสำาคัญในการตัดสินใจในการเลือกตั้ง นอกจากนั้นสิ่งที่พบในการลงพื้นที่
สัมภาษณ์คือภาคกลับของกระบวนการกล่อมเกลาทางการเมือง กล่าวคือบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้
สัมภาษณ์สามารถกล่อมเกลาบิดา-มารดาของตนให้หันมาตัดสินใจเลือกพรรคที่พวกเขาเห็นว่าจะเป็น
อนาคตใหม่สำาหรับทางออกของสังคมไทย
สำาหรับพฤติกรรมของผู้ลงรับสมัครการเลือกตั้งจังหวัดสุรินทร์ นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี
พ.ศ.2557 บรรดาอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกปิดเส้นทางการเมืองตามระบอบรัฐสภา ต่างกลับมา
ยึดพื้นที่ตนเองอย่างเหนียวแน่น เพื่อให้เกิดความพร้อมในการเลือกตั้งในอนาคตด้วยการยึดครองใจคน
และท้ายที่สุดนำาไปสู่การยึดครองพื้นที่ การทำางานในเชิงพัฒนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง
เศรษฐกิจ เป็นส่วนสำาคัญที่หล่อเลี้ยงระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นการอุปถัมภ์ที่ไม่ใช่การรอรับจากผู้อุปถัมภ์
ในแบบเดิมๆ แต่เป็นการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับการสร้างสายสัมพันธ์ทางการเมือง
ขณะเดียวกันพฤติกรรมความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นนักการเมืองท้องถิ่นส่งผลต่อการแพ้ชนะ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ของจังหวัดสุรินทร์ กล่าวคือนักการเมืองท่านนั้นสามารถยึดครองที่นั่งจากสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรในสมัยที่แล้วมาได้ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตเลือกตั้งที่ 2 ที่นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์
ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น โดยก่อนลงรับสมัครเลือกตั้งเคยทำาหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมือง
สุรินทร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 จนก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งสอดคล้องกับงานศึกษาของเวียงรัฐ เนติโพธิ์
(2558, 88) มีการพึ่งพาและเกื้อหนุนกันในการเลือกตั้งระหว่างนักการเมืองระดับชาติกับนักการเมือง
ท้องถิ่นในการสร้างสายสัมพันธ์แบบอาศัยซึ่งกันและกัน แตกต่างจากระบบหัวคะแนนเดิม ที่หัวคะแนน
แบบเดิมคือกำานัน ผู้ใหญ่บ้านที่ความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองก่อนมีการรณรงค์เลือกตั้ง ขณะที่
ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติกับนักการเมืองท้องถิ่นมีความต่อเนื่อง ก่อให้เกิดสายสัมพันธ์
ในลักษณะเครือข่ายที่ชัดเจนมากขึ้น กล่าวคือหากนักการเมืองคนใดมีสายสัมพันธ์กับผู้บริหารองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตเลือกตั้งของตน เป็นหลักประกันได้ว่าจะได้รับคะแนนนำาในการเลือกตั้งครั้ง
ต่อไป ดังนั้นการทำางานของนักการเมืองระดับชาติอย่างใกล้ชิดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นปัจจัย
สำาคัญประการหนึ่งของพฤติกรรมทางการเมืองของนักการเมืองระดับชาติที่ปรากฏในจังหวัดสุรินทร์