Page 39 - kpiebook63012
P. 39

39








                           4.4)  เกณฑ์ขั้นตำ่า (Threshold) คือ การกำาหนด “ด่าน” ว่าการที่พรรคการเมืองหนึ่งจะมีสิทธิได้

                                โควตาในการจัดสรรที่นั่ง พรรคการเมืองนั้นจะต้องมีคะแนนเสียงตำ่าสุดอยู่ที่เท่าใด การกำาหนด
                                เกณฑ์ขั้นตำ่าเป็นเสมือนการให้โบนัสแก่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ โดยการกำาจัดพรรคการเมือง

                                ขนาดเล็กมากทิ้งไปเพราะเป็นการกำาหนดกติกาว่าถ้าพรรคไม่สามารถผ่านด่านคะแนนขั้นตำ่านี้ได้
                                ก็จะไม่สามารถมีผู้แทนได้ การกำาหนดเกณฑ์ขั้นตำ่าในระดับเขต บางประเทศกำาหนดไว้ใน

                                ระดับชาติ ขนาดของเกณฑ์ขั้นตำ่าแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1%, 5%, 10% หรือมากกว่านั้น ข้อสังเกต
                                คือการกำาหนดเกณฑ์ขั้นตำ่าเป็นการประกาศว่าพรรคการเมืองขนาดเล็กไม่เป็นที่พึงประสงค์ของ

                                ระบบพรรคการเมือง แต่ผลที่ตามมาคืออาจทำาให้เกิด “คะแนนสูญเปล่า” (Wasted votes)
                                จำานวนมาก ในประเทศรัสเซียปี ค.ศ. 1995 เกิดคะแนนสูญเปล่าถึง 51% สำาหรับประเทศไทย

                                ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2544 เกิดคะแนนสูญเปล่าที่ประชาชนเลือกพรรคการเมืองขนาดเล็ก
                                ที่ไม่ผ่านด่าน 5% สูงถึง 14.31%



                           4.5)   การจัดลำาดับผู้สมัครรับเลือกตั้ง (Preference for Candidates) ระบบเลือกตั้งแบบเสียง

                                ข้างมากเป็นการเลือกผู้สมัครแต่ละคน แต่ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนเป็นการเลือกผู้สมัครจาก
                                บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองถ้าหากเรามองว่าการแข่งขันทางการเมืองทุกวันนี้เป็นการแข่งขัน

                                ระหว่างพรรคการเมืองแล้ว ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนนี้จะเป็นภาพสะท้อนที่ดีที่สุด โดยทั่วไป
                                การจัดสำาดับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคการเมืองที่เรียกว่า “บัญชีรายชื่อแบบปิด”

                                (Closed list) แต่มีบางประเทศที่ให้โอกาสประชาชนแสดงเจตจำานงในการจัดลำาดับผู้สมัครเอง
                                ได้ที่เรียกว่า “บัญชีรายชื่อแบบปิด” (opened list) ซึ่งพบได้ในประเทศฟินแลนด์ เบลเยียม

                                และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น





                          ระบบบัญชีรายชื่อของฟินแลนด์แตกต่างไปจากระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนทั่วไป กล่าวคือ ผู้ใช้สิทธิ
                  เลือกตั้งเลือกผู้สมัครหนึ่งคน จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอมา ในการนับคะแนนว่าพรรคหนึ่งจะได้รับ

                  การจัดสรรกี่ที่นั่งขึ้นอยู่กับสัดส่วนคะแนนที่พรรคได้ทั้งหมด (ซึ่งคือผลรวมคะแนนผู้สมัครในบัญชีพรรค) เมื่อ
                  เปรียบเทียบกับคะแนนพรรคอื่นในเขตนั้น ในขณะที่ผู้สมัครแต่ละคนจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับคะแนน

                  ที่แต่ละคนได้รับ ตัวอย่างเช่น ถ้าพรรคการเมืองหนึ่งมีสิทธิได้ 3 ที่นั่ง ผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคที่ได้รับ
                  คะแนนสูงสุด 3 คนแรกจะได้รับเลือกตั้ง ไม่ว่าผู้สมัครทั้ง 3 คนนี้จะถูกจัดอยู่ในลำาดับใดของบัญชีรายชื่อ ระบบ

                  บัญชีรายชื่อเช่นนี้จึงเป็นแบบ “กึ่งเปิด” ที่ให้สิทธิประชาชนเลือกผู้สมัครที่ตนชื่นชอบโดยตรง ไม่ใช่เลือก
                  ได้แต่พรรคการเมือง ในขณะที่ข้อเสียที่เด่นชัดก็คือผู้สมัครของพรรคต้องแข่งขันกันเอง ส่งผลให้เกิดปัญหา

                  ความแตกแยกในพรรค (Intra Party Conflict) ได้ง่าย
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44