Page 38 - kpiebook63011
P. 38

38    การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่








                       3.2)   ในกรณีที่ทศนิยมของพรรคการเมืองมีจำานวนเท่ากัน ให้นำาเอาคะแนนรวมทั้งประเทศที่

                            พรรคการเมืองนั้นได้เป็นตัวตั้ง หารด้วย จำานวน ส.ส. ที่พึงมีของพรรคนั้น หากพรรคใด
                            มีผลลัพธ์จำานวนมากกว่า ก็ให้จัดสรร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อให้แก่พรรคนั้น

                      4)  ถ้าหากในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีจำานวน ส.ส. แบบแบ่งเขตเท่ากับหรือมากกว่าจำานวน ส.ส.

             ที่พรรคนั้น ๆ พึงมี ให้พรรคการเมืองนั้น ๆ มี ส.ส. แบบแบ่งเขตได้เพียงอย่างเดียว ไม่มีสิทธิที่จะมี ส.ส.
             แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีก และให้นำาจำานวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่พึงมีนั้นไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองอื่นที่มี

             ส.ส. แบบแบ่งเขตตำ่ากว่าจำานวน ส.ส. ที่พรรคอื่นนั้น ๆ พึงมีได้ ตามอัตราส่วนลดหลั่นกันไป แต่ต้องไม่ทำาให้
             พรรคการเมืองอื่นนั้น ๆ มี ส.ส. เกินกว่าจำานวนที่พึงมี


                       4.1)   กรณีนี้จะทำาการนำาเอาสัดส่วนคะแนน ส.ส. 1 คนไปหารกับจำานวนคะแนนที่พรรคการเมือง

                            ได้รับจากเขตเลือกตั้งนั้น ให้ได้ผลทศนิยม 4 ตำาแหน่ง โดยในกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรจำานวน
                            ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อได้ครบตาม 150 คน ให้ (1) พรรคการเมืองที่ได้รับผลคำานวณทศนิยม

                            4 ตำาแหน่งที่สูงที่สุดได้รับการจัดสรร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นตามลำาดับ จนกว่าจะครบ
                            150 คน (2) ในกรณีที่กระทำาตาม (1) แล้วยังไม่ได้จำานวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อครบ 150 คน

                            ให้นำาค่าเฉลี่ยของพรรคการเมืองต่อ ส.ส. 1 คนมาพิจารณา หากพรรคการเมืองใดมีค่าเฉลี่ย
                            คะแนนต่อ ส.ส. 1 คนมากกว่าพรรคอื่น จะได้รับจัดสรร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 1 คน

                            และ (3) ในกรณีที่กระทำาตาม (1) และ (2) แล้ว แต่ทว่าผลคือมีพรรคการเมืองมากกว่า
                            หนึ่งพรรคที่มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากัน ให้ตัดสินโดยทำาการจับฉลาก


                      5) เมื่อได้จำานวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคแล้ว ให้ผู้สมัครตามลำาดับของบัญชีรายชื่อ
             ในพรรคการเมืองนั้น ๆ ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.


                      จะเห็นได้ว่าหลักการสำาคัญของการออกแบบระบบการเลือกตั้งนี้อีกประการคือ การทำาให้ทุกคะแนน
             ที่ประชาชนลงให้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความหมาย และไม่ถูกทิ้งเสียเปล่า หลักการ

             “คะแนนเสียงไม่ตกน�้า” จึงเป็นหลักการหนึ่งของการนับคะแนนของระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนที่ให้

             ความสำาคัญกับคะแนนเสียงทุกเสียง โดนใช้หลักการความเสมอภาคที่คะแนนทุกคะแนนไม่ว่าจะลงคะแนนไปให้
             ใคร แม้คะแนนที่ได้มีการลงคะแนนให้ไปเป็นผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ไม่ชนะการเลือกตั้งก็ตาม แต่คะแนนเหล่านั้น
             จะถูกนำาไปนับรวมเพื่อคำานวณการแบ่งสัดส่วนที่นั่งในรัฐสภา จากระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ดังกล่าว จะเห็นว่า

             จะมีพรรคการเมืองจำานวนมากที่มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งจากคะแนนเสียงและมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

             จากเขตเลือกตั้ง ปรากฏการณ์การเมืองภายหลังการเลือกตั้งจึงเป็นระบบรัฐสภาที่มีพรรคการเมืองจำานวนมาก
             รวมไปถึงพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กจำานวนมากเช่นกัน ทำาให้กระบวนการต่อรองอำานาจและ
             ผลประโยชน์เกิดขึ้นได้ง่ายและมีมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ พรรคการเมืองหรือกลุ่มอำานาจที่ถือครองอำานาจและ

             ผลประโยชน์ของรัฐเป็นหลักจึงจะเป็นผู้กำาหนดกลไกการต่อรองเหล่านั้นได้
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43