Page 103 - kpiebook63011
P. 103
103
พรรคอนาคตใหม่ภายหลังการเลือกตั้งได้คะแนนจากการลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครพรรคที่
ค่อนข้างสูงกว่าที่คาดไว้ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ต่างกล่าวว่า การที่พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงมาก
สะท้อนความคิดของประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง และแน่นอนว่าในจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดที่มี
ฐานของคนรุ่นใหม่ค่อนข้างมากทำาให้คะแนนของพรรคอนาคตใหม่ปรากฎชัดเจนในเขตเมือง คือ เขตเลือกตั้งที่ 1
ที่แพ้พรรคเพื่อไทยเพียงหลักร้อยเท่านั้น ในขณะเดียวกันเขตเลือกตั้งรอบนอก ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่
สามารถได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 หลายเขตที่มีคะแนนมากกว่าอดีตนักการเมืองหรือคนที่ทำางานการเมืองท้องถิ่น
ที่เป็นที่รู้จักมานาน ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ต่างเชื่อว่าชื่อพรรคและบทบาททางการเมืองของหัวหน้า
พรรคอนาคตใหม่ที่ชัดเจนในสถานการณ์การควบคุมโดย คสช. และฝ่ายความมั่นคง ทำาให้ประชาชนชื่นชม
ในความกล้าหาญของหัวหน้าพรรค และพรรคอนาคตใหม่ที่กลายเป็นแบรนด์ที่กล้าที่จะส่งผู้สมัครที่ไม่มี
ประสบการณ์เลือกตั้งลงแข่งขันในจังหวัดเชียงใหม่สู้กับพรรคเพื่อไทย
การต่อสู้แข่งขันในการเลือกตั้งปรากฎให้เห็นหลายรูปแบบ หากสังเคราะห์จากกระบวนการในการ
สื่อสารและการสร้างกลไกระบบตลาดการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ การเกิดขึ้นของผู้สมัครหน้าใหม่ของ
พรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด ยิ่งตอกยำ้าการสร้างยี่ห้อ (Branding) ของพรรคอนาคตใหม่ที่ทำาให้การใช้ยุทธศาสตร์
การเลือกตั้งไปด้วยกันเป็นองค์รวมของคำาสำาคัญ (Key Word) ที่เน้นคำาว่า “ต้องการเปลี่ยนแปลง” ตั้งแต่
ในเรื่องการตั้งพรรคใหม่ คนรุ่นใหม่เป็นแกนนำาพรรค ชื่อพรรคที่ใช้คำาว่าใหม่ ผู้สมัครกับนักการเมืองหน้าใหม่
และนโยบายที่เชื่อมอุดมการณ์หลักของพรรคตามที่ประกาศคือ การสร้างการเมืองใหม่ กระบวนการในการสร้าง
แบรนด์ของพรรคอนาคตใหม่แบบองค์รวมนี้สร้างความเป็นหนึ่งเดียวของชุดความคิดร่วม ภาพลักษณ์ของพรรค
ที่ทำาให้บทบาทของตัวองค์กรพรรคและหัวหน้าพรรคยิ่งมีความโดดเด่นภายใต้ยุทธศาสตร์หาเสียงนี้ ในขณะที่
จากการสัมภาษณ์พบว่าผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่หลายคนยอมรับว่าไม่คิดว่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่คิดเพียง
หาเสียงและช่วยพรรคเต็มที่เพื่อโกยคะแนนให้แก่พรรค และเชื่อว่าโอกาสของพรรคอนาคตใหม่ยังมีอีกมาก
โดยเฉพาะในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีฐานคะแนนเสียงเข้มแข็งและต่อเนื่อง จนนำามาสู่สิ่งที่เรียกว่า
สมาชิกผู้จงรักภักดี (Loyalty Members) การชนะการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย
พรรคพลังประชาชน จนถึงการเลือกตั้งปัจจุบันในนามพรรคเพื่อไทย แม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค หัวหน้าพรรค
ความนิยมต่อตัวบุคคลที่เป็นคนหลัก (Key Person) ยังคงมีความเข้มแข็ง ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม
พ.ศ. 2562 นี้ ความยากลำาบากในการหาเสียงหรือการเตรียมการเลือกตั้งของผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เรื่อง
ของความนิยมในตัวพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเรื่องของกระแสการโค่นล้มพรรคเพื่อไทยในพื้นที่เชียงใหม่ ที่เชื่อว่า
เป็นพื้นที่บ้านเกิด อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร การที่อำานาจทางการเมืองอยู่กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทั้งใน
ฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะ คสช. กับอำานาจของมาตรา 44 รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องได้แก่ กกต.
ทหาร และตำารวจ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลทำาให้เกิดคำาถามถึงความเสมอภาคเท่าเทียมในการ
แข่งขันการเลือกตั้ง ซึ่งผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าหากต่อสู้กันแค่ระหว่างพรรคและความนิยมของประชาชน
จากการลงคะแนนเสียง พรรคเพื่อไทยสามารถชนะเด็ดขาด แต่หากจะแพ้ก็จะแพ้เพราะอำานาจรัฐที่ควบคุม