Page 74 - kpiebook62008
P. 74
๔๓
ด้วยภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้ซึ่งเป็นภาษีทางตรงนั้น ครอบคลุมผู้มีรายได้ที่เป็น
บุคคลธรรมดา คณะบุคคล และนิติบุคคลประเภทต่าง ๆ เช่น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามนิยามในมาตรา
๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร โดยบุคคลผู้มีเงินได้นั้นย่อมมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้แตกต่างกันไป ได้แก่ ภาษีเงินได้
บุคคลธรรมดา จัดเก็บจากผู้มีรายได้ที่เป็นบุคคลทั่วไป และหน่วยภาษีที่ได้กำหนดไว้เป็นพิเศษ สำหรับภาษีเงินได้
นิติบุคคลจัดเก็บจากนิติบุคคลที่มีรายได้ เป็นต้น
๘๐. นอกเหนือจากภาษีทางตรงแล้ว ประมวลรัษฎากรยังใช้ในการจัดเก็บภาษีทางอ้อมซึ่งจัดเก็บจากการ
บริโภคสินค้าและบริการ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีที่จัดเก็บจากผู้ประกอบธุรกิจการค้า
ซึ่งสามารถผลักภาระภาษีไปให้แก่ผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ผู้กระทำตราสารบางประเภทอาจอยู่ในข่ายต้องเสียภาษีที่
เรียกว่า อากรแสตมป์ อีกด้วย ทั้งนี้ ผู้เสียภาษีมีหน้าที่ต้องขอให้มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร เพื่อใช้ติดต่อเสีย
ภาษี นอกจากนี้หากเป็นการประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีธุรกิจ
เฉพาะ กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการมีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย
๘๑. หน้าที่ในการเสียภาษีตามพระราชบัญญัติอื่น นอกจากประมวลรัษฎากรแล้ว ประเทศไทยยังมีการ
จัดเก็บภาษีตามพระราชบัญญัติอื่นอีก อาทิ พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ.๒๕๑๐ พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.
๒๕๖๐ พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.๒๕๖๐ พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.๒๕๕๘
พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.๒๕๖๒ ทั้งนี้ กฎหมายภาษีแต่ละฉบับจะมีการกำหนดโครงสร้าง
ภาษีแตกต่างกันไปตามลักษณะของภาษีแต่ละประเภทซึ่งจะกระทบต่อหน้าที่ของผู้เสียภาษีในแต่ละฉบับ
๓.๒ หน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และสิทธิ
ของผู้เสียภาษี
๘๒. หน้าที่ของรัฐได้ถูกกำหนดไว้ครั้งแรกในหมวด ๕ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๖๐ โดยเป็นการกำหนดให้เกิดสภาพบังคับแก่รัฐต้องกระทำหน้าที่ที่มีความสำคัญ โดยกำหนดให้สิทธิแก่
ประชาชนและชุมชนที่จะติดตามและเร่งรัดให้รัฐดำเนินการ รวมตลอดทั้งฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องตาม