Page 69 - kpiebook62008
P. 69
๓๘
๕. ในการใช้สิทธิเลือกตั้งและสิทธิออกเสียงประชามติ บุคคลมีหน้าที่ต้องกระทำโดยสุจริต และมุ่งถึง
ประโยชน์ส่วนรวม
๖. บุคคลมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ
๗. บุคคลมีหน้าที่ช่วยเหลือราชการตามที่กฎหมายบัญญัติ
๘. บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษา ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ”
๗๒. การเปลี่ยนแปลงลักษณะการบัญญัติหน้าที่ในการเสียภาษีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๔๙๒ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๙๒ กำหนดแยกออกมาเป็นบทบัญญัติ
โดยเฉพาะและเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเล็กน้อยจากการบัญญัติว่าซึ่งบัญญัติว่า “บุคคลมีหน้าที่ช่วยเหลือราชการโดย
ทางเสียภาษีและอื่น ๆ ภายในเงื่อนไขและโดยอาการที่กฎหมายบัญญัติ” เป็น “บุคคลมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่
๘๓
กฎหมายบัญญัติ” อย่างไรก็ตาม การแก้ไขดังกล่าวมิได้ส่งผลกระทบต่อหน้าที่ดังกล่าวแต่อย่างใดเพราะเป็นเพียง
การตัดคำว่า “การช่วยเหลือราชการ” ออกและการบังคับตามหน้าที่ในการเสียภาษียังคงต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
ระดับพระราชบัญญัติ หน้าที่ในการเสียภาษีอากรยังคงปรากฏอยู่ในฐานะเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยเรื่อยมา
จนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
๗๓. การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๔๑๗ การกำหนดหน้าที่ของปวงชนชาวไทยยังคงปรากฏเช่นเดิมในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๑๑ แต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗ มีการเปลี่ยนแปลงบางประการ แต่
๘๔
ยังคงหลักการของหน้าที่ของปวงชนชาวไทยไว้เช่นเดิม ดังต่อไปนี้
“๑. บุคคลที่มีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยตาม
รัฐธรรมนูญนี้
๒. บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ
๘๓ มาตรา ๖๑ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๙๒
๘๔ มาตรา ๕๔-๖๑ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗