Page 156 - kpiebook62006
P. 156
150
ประเทศ รูปแบบของการก าหนดหน้าที่พลเมืองขั้นพื้นฐาน
แคนาดา 1. การศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองต้องมีความเหมาะสมกับบริบท สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรม การพัฒนาหลักสูตรเพื่อ
สร้างพลเมือง จึงมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละรัฐ
2. มีการสนับสนุนโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในระดับประเทศด้วย โดยมุ่งสร้างพลเมืองที่กระตือรือร้น
(Active citizenship) เข้าร่วมทางการเมือง และการจัดการชุมชน (Public participation) มีความเชื่อมั่นว่า
ประชาชนมีศักยภาพในการใช้อ านาจในการปกครองของตนเอง มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมือง (Politics)
มีทัศนคติที่ดีต่อประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม รวมทั้งมีความรู้ด้านสังคม และเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์
และการร่วมมือของชุมชน (Culture and Collaboration) ที่สัมพันธ์กับชีวิตของตนด้วย
ไทย 1. รูปแบบของการสร้างพลเมืองส าหรับสังคมไทย มี 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่หนึ่ง การสร้างพลเมืองโดยผ่านการศึกษา
ในระบบ ซึ่งเป็นกลไกหลักและเป็นเครื่องมือของรัฐที่มีอยู่แล้วในการให้การศึกษาให้เป็นไปตามอุดมการณ์และระบบ
การปกครองของรัฐแก่พลเมืองตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงระดับอุดมศึกษา รูปแบบที่สอง การสร้างพลเมืองโดยผ่านการศึกษา
นอกระบบ และรูปแบบที่สาม การสร้างพลเมืองโดยสื่อสารสาธารณะ
2. แต่เดิมประเทศไทยเคยก าหนดให้มีหลักสูตร “วิชาหน้าที่พลเมือง” ส าหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียน โดยเป็น
การปลูกฝังให้ประชาชน “ต้องท า” เพราะเป็นหน้าที่ ต่อมาจึงยุบ “วิชาหน้าที่พลเมือง” ไปรวมกับ “กลุ่มสร้างเสริม
ประสบการณ์ชีวิต” ในระดับประถมศึกษา และ “กลุ่มสังคมศึกษา” ในระดับมัธยมศึกษา วิชานี้จึงถูกลดบทบาทลง
จนถึงปัจจุบัน
3. กระทรวงศึกษาธิการได้มีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการพัฒนาการศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง” ขึ้น ในพ.ศ.2553
ต่อมาคณะอนุกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ด้านพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองดี
ได้จัดท ายุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง พ.ศ.2553-2561 ขึ้น
4. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545 ได้ก าหนดความมุ่งหมาย
และหลักการของการจัดการศึกษาซึ่งเกี่ยวข้องกับคุณลักษณะของการพัฒนาคนไทย
5. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีการจัดวิชาหน้าที่พลเมืองไว้ในกลุ่มสาระสังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม
6. พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีค าสั่งให้มีการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และ
หน้าที่พลเมืองให้กับเด็กและเยาวชน
ตารางที่ 4.3
สรุป “ค่านิยมร่วม” และ “ค่านิยมต่าง” ที่ส่งผลต่อความเป็นพลเมืองในต่างประเทศ และในประเทศไทย
ค่านิยมร่วม ค่านิยมต่าง
1. การมีความตื่นรู้ ซึ่งเป็นค่านิยมที่มุ่งให้พลเมืองของประเทศต้องมีความรู้ความเข้าใจใน ค่านิยมที่พบในบางประเทศ เช่น
ระบบการเมืองและระบอบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ 1. การยอมรับความหลากหลายในสังคมที่เป็นพหุ
2. ความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม ถือเป็นค่านิยมที่มุ่งปลูกฝังให้เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก วัฒนธรรม ในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน
ซึ่งสามารถสอดแทรกผ่านกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกห้องเรียน 2. การให้ความส าคัญในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม
3. การเคารพสิทธิของผู้อื่น เป็นค่านิยมพื้นฐานส าคัญในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหลาย ศีลธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีในประเทศญี่ปุ่น
ประเทศได้มีการน าไปบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนตั้งแต่วัยเด็ก กล่าวคือ ทุกคน และประเทศไทย
มีสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องไม่ใช้สิทธิเสรีภาพไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น 3.ประเด็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ
4. การยอมรับความแตกต่าง ถือเป็นค่านิยมที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมประชาธิปไตย เนื่อง สิ่งแวดล้อมในประเทศนอร์เวย์
ด้วยในสังคมทุกคนเกิดมาย่อมมีความแตกต่างกันไม่ว่าด้วยความแตกต่างในทางกายภาพ
หรือกระทั่งความแตกต่างในความคิดเห็นหรือมุมมองทัศนคติ สังคม โดยทุกคนมีเสรีภาพใน
การแสดงออก และได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมภายใต้ระบบกฎหมายเดียวกัน