Page 167 - kpiebook62004
P. 167

บทบาทนานาชาติต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ของไทยและบางมุมมองต่อภาพอนาคต




                           มุมมองจากฝ่ายขบวนการ:  จะทิ งมาเลเซียที่เป็นผู้อ านวยความสะดวกไปไม่ได้ เพราะผู้น าของ

               เราหลายคนอยู่ในประเทศเขา เราไม่ก าหนดล่วงหน้าว่าองค์กรต่างประเทศที่จะมาสังเกตการณ์หรือเป็นสักขี

               พยานควรเป็นใคร จะเป็นยุโรปก็ได้ อินโดนีเซียก็เป็นไปได้ HD หรือ Sasakawa ก็ดี แต่ OIC นั นจ าเป็น


                           ความเห็นของนักเคลื่อนไหวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นขบวนการ: เอาเข้าจริงนะ มาเลเซียไม่เหมาะ

               ที่จะเป็นคนกลางเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากเกินไป และหากจะให้อินโดนีเซียเข้ามาก็ไม่เหมาะเช่น

               เพราะไม่มีศักยภาพพอ เพราะเคยไปช่วยมินดาเนาก็ไม่ประสบความส าเร็จ  ดังนั นการประกาศนโยบายการ
               พูดคุยของมหาเธร์ภายใน 2 ปี เป็นการเล่นละครที่อยู่บนเงื่อนไขการเมืองของมาเลเซีย แม้ว่าอนาคตอันวาร์จะ

               ขึ นมาก็ไม่เห็นว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด หากภายในประเทศยังไม่มีการตกลงให้แน่ชัด เพราะแม้ว่า

               มาเลเซียจะมีจุดยืนที่จะช่วยประเทศไทยก็ตามแต่ก็ไม่มีอ านาจมากพอที่จะให้อ านาจของไทยท าตามได้


                           ผู้ให้ข้อมูลคนหนึ่งตั งข้อสังเกตว่า “ในสถานการณ์ที่เราพึ่งพามาเลเซียได้น้อย การจะพึ่งองค์กร

               ระหว่างประเทศก็ต้องมีขอบเขตจ ากัด เช่น ถ้าจะมีองค์กรใดมาเสริมความรู้เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพ

               ให้แก่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายผู้เห็นต่าง โดยเป็นความรู้ทั่วไป เป็นสากล ก็น่าจะได้ แต่ไม่แน่ใจว่าฝ่ายทหารจะ
               เข้าใจหรือไม่ ส าหรับประเด็นนี  คณะพูดคุยสมัยพลเอกอุดมชัย น่าจะรับได้ ถ้าองค์กรระหว่างประเทศ เชิญตัว

               ละคร ทั งภาครัฐ และนอกภาครัฐมา


                           ในมุมของคณะผู้วิจัย เห็นว่าถ้าจะให้กระบวนการพูดคุยมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ น

               สิ่งแรกที่จะต้องพิจารณาคือ แนวนโยบายของรัฐไทย ด้วยเป็นคู่ขัดแย้งหลักที่มีอ านาจและโครงสร้างที่ชัดเจน

               ในการท างานอยู่แล้ว และหากรัฐไทยยืนยันว่าสถานการณ์ที่ชายแดนใต้เป็นปัญหาภายในประเทศ และมองว่า

               ฝ่ายขบวนการฯ เป็นคนไทยเป็นคนของรัฐด้วยเช่นกัน การพิจารณาทิศทางจากนโยบายจึงส าคัญ ซึ่งจะตอบข้อ
               กล่าวหาของฝ่ายขบวนการฯ ด้วยว่า รัฐไทยมีความจริงใจมากน้อยเพียงใดในการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางทาง

               การเมือง  ข้อควรค านึงที่ส าคัญมาจาก ความเห็นของภาคประชาสังคมที่อยู่ในพื นที่ที่ว่า “อยากให้รัฐบาล

               เข้าใจรัฐบาลไม่เจ็บ  แต่คนที่นี่เจ็บจริง คนที่นี่ตายจริง เราอยากให้รัฐสะทกสะท้าน เราอยากให้รัฐบาลที่มี

               อ านาจพูดคุยไปเลย”


                           ขณะที่นโยบายการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ พ.ศ.2558-2564 ใน นโยบายที่ 3 ป้องกันและแก้ไข
               การก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการระบุว่า


                                3.1 เสริมสร้างสภาวะแวดล้อมที่สันติสุข ในการน ายุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง

                           พัฒนา และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั งยึดมั่นแนวทางสันติวิธีเป็นบรรทัดฐานการ








                                                           123
   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172