Page 86 - b29420_Fulltext
P. 86

หนึ่งจึงเป็นไปเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการลงเล่นการเมือง ที่สำคัญคือเป็นเสมือนการแสดงออกว่าพวก

               เขาจริงจังในการลงสมัครครั้งนี้ ไม่ได้มาเล่นๆ แต่ต้องการเข้ามาเป็นผู้นำจริงๆ ขณะเดียวกันก็เพื่อลดแรงเสียดทาน

               จากคนในชุมชนบางกลุ่มที่มองว่าการเข้ามาดำรงตำแหน่งที่มีเงินเดือนนั้นก็ควรต้องมีค่าใช้จ่ายบ้างเล็กน้อยไม่ควร

               เข้ามาดำรงตำแหน่งฟรีๆ และที่สำคัญคือการใช้เงินในนาทีสุดท้ายเมื่อมีการปั่นราคาจากหัวคะแนนและผู้มีสิทธิ
               เลือกตั้งคล้ายเกมการพนันที่ทำให้ผู้สมัครจำเป็นต้องเดินหน้าหรือ ‘เล่มตามเกม’ นั้นไปเพราะไม่ต้องการพ่ายแพ้

               ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วว่าเงินไม่ได้เป็นตัวชี้ขาดว่าผู้ซื้อเสียงจะชนะการเลือกตั้ง เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะมีเป้าหมายในใจ

               อยู่แล้วว่าจะเลือกใคร ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นญาติกัน การจ่ายเงินจึงเป็นเพียงการสร้างโอกาสในการเปลี่ยนใจเท่านั้น

               ดังที่อดีตผู้สมัครรายหนึ่งกล่าวว่า “เรื่องเงินก็คงต้องมีอยู่บ้าง เรียกว่าน้ำใจก็ต้องมีอย่างเก่า แต่ชาวบ้านไม่คิดว่าเรา

               ไม่ได้มีผลตอบแทนอะไร แม้จะทำผลงานดีก็ตาม ก็ต้องมีการให้ จะให้แค่ไหนเท่านั้น ให้ทุกคน ให้ครอบครัว หรือ
               ว่าให้วัด ก็ต้องคุยกับผู้ทรงคุณวุฒิ ให้นำไปพัฒนาจัดการร่วมกันก็ได้...การรับเงินผมก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็น

               เรื่องที่คนเข้ามาการเมืองก็ต้องย้อนกลับไปวงข้าราชการ”


                       อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากมีการรณรงค์เลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงบรรยากาศการเลือกตั้ง

               ในพื้นที่เปลี่ยนไปหลายด้าน ด้านผู้สมัครและผู้นำชุมชนที่มีวิสัยทัศน์จะมองว่าโครงการนี้ได้สร้างโอกาสให้เห็น

               มุมมองของการเลือกตั้งใหม่ๆไม่ใช่เพียงการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยังมีการพูดคุยหารือกันถึงแนวทาง

               ที่เหมาะสมและกำหนดกติการ่วมกันก่อนถึงวันเลือกตั้ง การหาเสียงต้องเป็นไปตามกรอบนี้ไม่หลุดกติกา โดยมี
               ประชาชนเป็นกรรมการคนสำคัญในเกมนี้ ซึ่งในทางปฏิบัติอาจมีหลุดบ้างในช่วงท้ายหากพื้นที่ใดที่สามารถปั่นราคา

               ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการได้ช่วยให้เกิดการชะลอตัวของการแจกเงินลงไป และสร้างวัฒนธรรม

               ใหม่ให้คนมองไปที่ความดี มองหาคนที่จะนำมาใช้งานอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ก็สร้างให้คนบางกลุ่มเข้าใจปัญหา

               จากการทุจริตเลือกตั้งได้มากขึ้น แต่กับคนบางกลุ่มก็ทำให้เกิดความเกรงใจ บางรายถึงขั้นเกรงกลัวมากกว่าจะ

               เข้าใจความสำคัญของการดำเนินโครงการ ดังสะท้อนจากบทสัมภาษณ์ของอดีตผู้นำชุมชนรายหนึ่งที่เล่าถึง

               บรรยากาศในการหาเสียงว่า “ที่เข้าใจก็มีที่ไม่เข้าใจก็มี บางทีเขาก็ว่ามาทำไม ‘ชังขี้หน้า’ ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะ
               เขาเคยได้ ส่วนผู้สมัคร จริงๆยินดีอยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับกองเชียร์”


                       นอกเหนือจากตัวแปรด้าน ‘ญาติ’ และ ‘เงิน’ ที่ผลการศึกษาพบว่ามีส่วนส่งผลต่อความสำเร็จของ

               โครงการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงดังอธิบายไปข้างต้น เมื่อทำการวิเคราะห์ตัวแปรด้านผู้กระทำ
               การและการประชาสัมพันธ์โครงการ เพื่อหาความสัมพันธ์ของตัวแปรข้างต้นกับความเปลี่ยนแปลงภายหลังดำเนิน

               โครงการด้วยสถิติ One Way Anova พบว่าตัวแปรด้านบทบาทของแกนนำ ผู้นำชุมชน ผู้สมัคร ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

               และการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านเสียงตามสายและการเดินรณรงค์ พบว่าตัวแปรด้านผู้กระทำการและการ
               ประชาสัมพันธ์โครงการ มีความสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงภายหลังการดำเนินโครงการ ดังตารางที่ 15




                                                                                                           73
   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91