Page 20 - b29420_Fulltext
P. 20
กรอบแนวคิดในการวิจัย
จากสมมติฐานการวิจัยข้างต้นและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง จะพบได้ว่าความรู้ (knowledge) และ
กระบวนการดำเนินโครงการ (process) เป็นตัวแปรสำคัญต่อการปรับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้คน อย่างไรก็
ตาม ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกหลายประการ อาทิ เงื่อนไขด้าน
ความเชื่อ วัฒนธรรม การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ผลประโยชน์ต่างๆ ดังนั้น งานวิจัยชิ้นนี้จึงจำแนกตัวแปรต้นที่อาจ
ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงภายหลังการดำเนินโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงไว้ 5 ประการ
ประกอบด้วย 1. บทบาทของแกนนำ 2. กระบวนการส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงที่แกน
นำดำเนินการ 3. องค์ความรู้ที่มีการถ่ายทอดระหว่างกระบวนการ 4.วัฒนธรรมเกี่ยวกับการเลือกตั้งของคนใน
ชุมชน และ 5. ผลประโยชน์ต่างๆที่ได้รับการประเมินโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยความเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ภายหลังดำเนินโครงการ คือ ความรู้ความตระหนักของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การซื้อเสียงที่ลดลง และความสมานฉันท์ที่
เพิ่มมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง ดังแผนภาพ 1
แผนผังที่ 1 กรอบการวิจัย
ตัวแปรต้น ความเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
1. แกนนำ 1. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความรู้ มีความตระหนักและมีพฤติกรรมที่
2. กระบวนการ ส่งเสริมต่อการเลือกตั้งที่มีคุณภาพ
3. องค์ความรู้ 2. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีรับรู้ถึงการซื้อเสียงลดลงและความ
4. วัฒนธรรม สมานฉันท์ที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง
5. ผลประโยชน์
ขอบเขตการวิจัย
ขอบเขตด้านพื้นที่
การศึกษาครั้งนี้จะดำเนินการกับการพื้นที่ที่มีการดำเนินโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขาย
เสียงในจังหวัดร้อยเอ็ดระหว่างปี 2560-2564 ในอำเภอที่มีการดำเนินโครงการ ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย อำเภอ
เมืองร้อยเอ็ด อำเภอโพนทอง อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภอหนองฮี อำเภอปทุมรัตต์ และอำเภอโพนทราย ในหมู่บ้าน
ตำบล ที่มีการดำเนินโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียง จำนวน 12 แห่ง และหมู่บ้านข้างเคียง
พื้นที่ดำเนินโครงการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านแบบสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงซึ่งได้จากการสุ่มเลือก จำนวน 5
แห่ง รวมจำนวนพื้นที่เป้าหมายทั้งสิ้น 17 แห่ง (ดังตารางที่ 2)
10