Page 154 - b29420_Fulltext
P. 154

ปฏิบัติ แต่อีกส่วนอาจมองได้ว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ที่แกนนำคาดหวังจะให้เกิดขึ้นกับชุมชนในเรื่องของความ

               สมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงอย่างแรงกล้า จึงเลือกที่จะนำเสนอประเด็นสำคัญที่จะถูกถ่ายทอดต่อไปเพียง
               สั้นๆในเรื่องของการไม่แข่งขันพูดคุยตกลงเจรจากันเป็นขั้นแรกของการดำเนินโครงการ ซึ่งวิธีการเช่นนี้จะ

               กลายเป็นการจำกัดการเรียนรู้ของผู้สมัครและผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกระบวนการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิ

               ขายเสียงที่ต้องการส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เรียนรู้การแข่งขันอย่างสร้างสรรค์แข่งขันกันทำความดีบริการ
               ประชาชน ขณะที่ประชาชนก็ได้เรียนรู้ที่จะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการติดตามตรวจสอบและกำหนดกติการ่วมกัน

               ระหว่างผู้สมัครและผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการสร้างการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงอย่างแท้จริง
                       2. จงอย่ากลัว ‘การแข่งขัน’

                       การแข่งขันเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ผู้วิจัยพบจากการศึกษาว่าคนในชุมชนยังมีมุมมองต่อการแข่งขันในด้าน

               ลบ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองว่าการแข่งขันเป็นต้นเหตุสำคัญที่จะนำไปสู่ความบาดหมางของผู้คนในชุมชนดังนั้น
               จึงไม่ควรมีการแข่งขันกันตั้งแต่แรก ความเข้าใจเช่นนี้มาจากประสบการณ์ที่พวกเขาประสบจากการเลือกตั้งที่ผ่าน

               มาหลายครั้ง กระทั่งกลายเป็นความเชื่อฝังใจว่าเมื่อมีการแข่งขันครั้งใดความบาดหมางย่อมเกิดขึ้นตามมาทุกครั้ง
               ด้วยความเข้าใจเช่นนี้จึงนำไปสู่การตีความทฤษฎีการเลือกตั้งสมานฉันท์ให้กลายเป็นเรื่องของการไม่แข่งขัน ทั้งๆที่

               ตามระบอบประชาธิปไตยการแข่งขันคือหัวใจสำคัญในการสร้างความหมายของการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่ผู้มี

               สิทธิเลือกตั้งคือตัวแสดงสำคัญและคะแนนเสียงของพวกเขาก็มีความหมายทางการเมือง การสนับสนุนให้ไม่มีการ
               แข่งขันกันตั้งแต่แรกจึงเป็นการลดทอนความสำคัญของคะแนนเสียงของผู้คนลงไป แต่สิ่งที่พึงระวังคือการแข่งขันที่

               เกิดขึ้นจะต้องไม่เป็นไปอย่างรุนแรง แต่เน้นไปที่การแข่งขันกันทำความดีไม่ใช้การโจมตีลดทอนศักดิ์ศรีความเป็น

               มนุษย์
                       อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะพบได้ว่าการไม่แข่งขันกันในทางปฏิบัติไม่เคยเกิดขึ้นจริง

               ทั้งนี้เพราะแม้สุดท้ายผู้สมัครจะตกลงกันว่าไม่แข่งขัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ระบุว่าเนื่องจากผู้สมัครอีกคนหนึ่งมี
               ความเป็นไปได้ที่จะชนะมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความดี ความสามารถ หรือญาติพี่น้องที่มีมากกว่า เหตุผล

               เหล่านั้นล้วนสะท้อนให้เห็นว่าก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรับสมัครเลือกตั้ง แท้จริงแล้วมีการแข่งขันกันระหว่างผู้ที่

               คาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งมาโดยตลอด ดังนั้น การที่ชาวบ้านเริ่มต้นจากการไม่แข่งขันในกระบวนการเลือกตั้ง
               สมานฉันท์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่เคยมีการคัดเลือกหรือลงมติเลือกผู้นำของพวกเขาเลย

               เพราะในทางปฏิบัติพวกเขาได้เลือกผู้นำไปแล้วด้วยคะแนนนิยมและความเชื่อถือที่มอบให้กับผู้สมัครบางรายตั้งแต่
               ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่อาจเหมารวมไปในทันทีได้ว่ากระบวนการที่แกนนำและคนใน

               ชุมชนขับเคลื่อนการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงด้วยการไม่สนับสนุนให้มีการแข่งขันเท่ากับไม่เป็น

               ประชาธิปไตย เพียงแต่กระบวนการประชาธิปไตยต่างๆของชาวบ้านเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประกาศวันเลือกตั้ง
               เท่านั้น








                                                                                                          140
   149   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159