Page 152 - b29420_Fulltext
P. 152

วัฒนธรรมประการที่สอง คือ การยอมยกตำแหน่งให้ ในที่นี้คือการที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่าการเลือกตั้ง

               เป็นการที่ผู้มีสิทธิจะยก ‘ตำแหน่งกินเงินเดือน’ ให้กับผู้สมัครบางคน ส่งผลให้มองว่าการ ‘จ่ายเงิน’ คือความ ‘เป็น

               ธรรม’ และพึงปฏิบัติของผู้สมัครเพื่อเข้าไปรับตำแหน่งที่กินเงินเดิน

                       วัฒนธรรมประการที่สาม คือ ‘ญาติ’ และ ‘บุญคุณ’ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าญาติและบุญคุณยังคงเป็น

               ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกผู้นำของคนในชุมชน วัฒนธรรมเช่นนี้คือข้อท้าทายสำคัญที่ทำให้การเลือกตั้ง

               สัมพันธ์กับ ‘เงิน’ ในการสร้างเครือข่าย ซื้อใจ รวมไปถึงระดมเครือญาติจากต่างพื้นที่เข้ามาเลือกตั้งซึ่งล้วนเป็นการ

               ลงทุนทางการเมืองทั้งสิ้น พฤติกรรมเช่นนี้คือจุดตั้งต้นแห่งความขัดแย้งอย่างสำคัญ เพราะเมื่อการเมืองเอาชนะกัน

               ด้วยญาติไม่ใช่ความสามารถและความดี สิ่งที่เกิดขึ้นคือการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็น ‘กองเชียร์’ ที่อาจนำมาสู่การ

               นำเสนอข้อมูลโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายมากทั้งยังเสี่ยงต่อการ ‘ปั่นราคา’ ค่าตัว สิ่งนี้มีความสัมพันธ์ต่อวงจรการ

               ลงทุนทางการเมืองที่ไม่หมดไป ที่สำคัญการตัดสินใจโดยอิงอยู่บนฐานของญาติและบุญคุณยังมีส่วนอย่างยิ่งต่อการ
               ‘ปิดหูปิดตาทางการเมือง’ ในที่นี้คือการปฏิเสธที่จะเปิดใจเรียนรู้ข้อดีของอีกฝั่งที่เป็นฝ่ายตรงข้าม วัฒนธรรมเช่นนี้

               จึงไม่ส่งเสริมต่อการพัฒนาประชาธิปไตยทั้งยังส่งเสริมต่อความขัดแย้งในชุมชน


                       วัฒนธรรมประการที่สี่ คือ ‘บาป’ และ ความสงสาร ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นว่าความเชื่อเรื่องบาปและ

               ความสงสารยังคงมีอยู่ในชุมชนและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกผู้นำจนปัจจุบัน แม้ว่าวัฒนธรรมความสงสารและ

               ความกลัวบาปต่อการรับเงินแล้วไม่เลือกผู้สมัครที่มอบเงินให้จะเบาบางลงไปในชุมชนทว่าสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการ
               สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องจำเป็นต้องแยกแยะออกจากกันระหว่างบาปจากการรับเงินของผู้สมัครแล้วไม่เลือกกับ

               การรับเงินของผู้สมัครซึ่งผิดกติกาตั้งแต่แรกเรื่องใดที่ควรมองว่าเป็น ‘บาป’ มากกว่ากัน โดยสิ่งที่พึงระวังคือต้อง

               แยกแยะระหว่างบาปและความสงสารออกจากกัน การเลือกเพราะความสงสารเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึง

               การขาดซึ่งการพิจารณาด้วยเหตุและผลซึ่งเป็นหลักการสำคัญของประชาธิปไตยที่พลเมืองพึงมี


                       ประการที่ 2 แกนนำ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าแกนนำคือหัวใจหลักของทุกขั้นตอน ตั้งแต่การ
               สร้างความรู้ความเข้าใจ การเสวนา และการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง แกนนำจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโครงการ

               เลือกตังสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในระดับพื้นที่ อย่างไรก็ตาม คุณลักษณะของแกนนำก็มีส่วนสำคัญต่อ

               ระดับความสำเร็จของการดำเนินโครงการ ทั้งนี้เพราะการเกิดขึ้นของโครงการไม่เท่ากับความสำเร็จของโครงการ

               ดังจะเห็นได้ว่าในพื้นที่เป้าหมายที่มีการดำเนินโครงการระดับความสำเร็จแตกต่างกันออกไป โดยร้อยละ 60 ของ

               พื้นที่ยังประสบความสำเร็จในระดับน้อย


                       ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นแกนนำจำเป็นต้องมีความรู้อย่างน้อยใน 3 เรื่อง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการรู้
               บริบทของท้องถิ่น รู้ช่องทางและเทคนิคกระบวนการในการถ่ายทอดเพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างแรงจูงใจให้




                                                                                                          138
   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157