Page 142 - b29420_Fulltext
P. 142

ซื้อสิทธิขายเสียงอย่างแท้จริง เน้นไปที่การแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์เน้นความดี ไม่แจกเงินและจบลงด้วยความ

               สมานฉันท์ของทุกฝ่าย ไม่ใช่เพียงการรณรงค์เพื่อเชิญชวนให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้น


                       ปัจจจัยต่อมาที่พบว่ามีผลต่อการดำเนินโครงการเช่นกันก็คือทรัพย์สินหรือค่าตอบแทนในการเลือกตั้ง
               ซึ่งผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าทรัพย์สินและค่าตอบแทนยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่แม้จะลดลง

               ไปและได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าความสำคัญของความเป็นญาติ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการดำเนิน

               โครงการจะมากหรือน้อยเพียงใดปัจจัยเรื่องทรัพย์สินค่าตอบแทนก็ยังมีส่วนสำคัญ กล่าวคือในพื้นที่ที่ประสบ

               ความสำเร็จระดับมากทรัพย์สินค่าตอบแทนจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้คนน้อยมากถึงไม่มีผลต่อการ

               ตัดสินใจเลย ในทางกลับกันพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จระดับน้อย ทรัพย์สินและค่าตอบแทนยังคงมีอิทธิพลต่อการ

               ตัดสินใจระดับปานกลาง จึงกล่าวได้ว่าปัจจัยเรื่องทรัพย์สินและค่าตอบแทนเป็นปัจจัยที่จะขัดขวางต่อการเลือกตั้ง

               สมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการจำเป็นที่จะต้อง
               ลดความเชื่อเรื่องการให้คุณค่าต่อทรัพย์สินและค่าตอบแทนในการเลือกตั้งมาเป็นการให้คุณค่ากับคนและความดี

               แทน ซึ่งเรื่องนี้สัมพันธ์กับความรู้ที่ถูกต้องตรงประเด็นมีความเชื่อมโยงดังที่กล่าวไปแล้วและอีกส่วนเป็นเรื่องของ

               วัฒนธรรม


                       ในที่นี้จำเป็นต้องแยกแยะระหว่าง ‘การหาเสียง’ และ ‘การซื้อเสียง’ เพราะผลการศึกษาพบว่าผู้สมัครไม่

               อาจปฏิเสธที่จะไม่ใช้เงินเพื่อหาคะแนนเสียงให้กับตนเองได้ แต่พวกเขาจะใช้มันไปกับการลงทุนทางสังคมรูปแบบ
               ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนห้วงเวลาของการเลือกตั้งหลายปี ซึ่งส่วนใหญ่ออกไปในรูปแบบของค่าใช้จ่ายในการ

               เดินทางทำกิจกรรม การเข้าสังคม การบริจาค ต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีความพร้อม มีใจ ใจใหญ่ หรือที่เรียกว่า

               ‘สปอต’ ไม่ใช่คน ‘งก’ และพร้อมจ่าย เพราะในบริบทของต่างจังหวัดนั้นบางทีรัฐก็เข้าไม่ถึงทำให้มีเงินไม่เพียงพอ

               ต่อการพัฒนา ทำให้บางครั้งผู้นำจะต้องใช้จ่ายบางเรื่องด้วยตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ เงินจึงมีส่วนต่อการตัดสินใจ

               ในแง่ของ ‘เครดิต’ คือเป็นคนที่พึ่งพาได้หรือไม่สำหรับคนในชุมชน ซึ่งส่วนนี้เองที่ทำให้ผู้มีสิทธิส่วนใหญ่ยังมองว่า

               เงินมีส่วนต่อการตัดสินใจ

                       ดังนั้น การที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชี้ว่าเงินมีผลต่อการตัดสินใจส่วนหนึ่งต้องพิจารณาแยกแยะให้ออกว่าเงินส่วน

               หนึ่งไม่ได้เป็นเพื่อการ ‘ซื้อเสียง’ แต่เป็นไปเพื่อสร้างตัวตนทางการเมืองและ ‘หาคะแนนเสียง’ ด้วยเหตุนี้ อิทธิพล

               ที่เงินมีต่อการตัดสินใจในบางกรณีจึงไม่ได้เกิดจากการจ่ายเงินเพื่อแลกกับคะแนนเสียงโดยตรงแต่เป็นไปในลักษณะ

               ของบุญคุณต่างตอบแทนที่มีความช่วยเหลือให้กันมานานแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแยกระหว่างเงินที่ใช้เพื่อ

               ‘หาคะแนนเสียง’ กับการจ่ายเงินยเพื่อ ‘ซื้อเสียง’ ออกจากกัน ซึ่งผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการ







                                                                                                          128
   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147