Page 36 - b29256_Fulltext
P. 36

2.3 อุปสรรคจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยต่อการพัฒนาด้านการแพทย์และสาธารณสุข

                   ปัญหาดั้งเดิมของสังคมไทยที่ชนชั้นปกครองมองว่าพัฒนาประเทศไปสู่สังคมสมัยใหม่ไม่ได้ ก็คือการขาด
                                                                           73
            กำลังคน เพราะถึงแม้จะมีสถิติการเกิดสูงแต่อัตรารอดของทารกมีแค่ครึ่งเดียว  และในปาฐกถาของสมเด็จพระเจ้าบรม
            วงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ที่ทรงแสดงเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2467 ทรงเน้นเกี่ยวกับความสำคัญของการ

            สาธารณสุขเอาไว้ว่า


                   ความเจริญของบ้านเมืองต้องอาศัยสิ่งหนึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ สิ่งนี้คือคน บ้านเมืองเจริญได้เพราะคนเท่านั้น การ
                   ป้องกันบ้านเมือง การเพาะปลูก การค้าขายและอะไรทั้งสิ้นต้องมีคนทำ บ้านเมืองจึงจะยั่งยืนและมั่งคั่ง

                   ประเทศที่มีพลเมืองน้อยในอาณาเขตกว้างขวาง จะสู้ประเทศที่มีพลเมืองมากในอาณาเขตที่แคบไม่ได้เป็นอัน

                   ขาด กำลังของบ้านเมืองอยู่ที่พลเมือง แต่จะถือเอาแต่จำนวนเป็นเกณฑ์เท่านั้นไม่ได้ ถึงแม้จะมีคนมากแต่คนไม่
                   แข็งแรงโรคมาก ก็ใช้ไม่ได้ต้องมีทั้งมากและแข็งแรงด้วย จึงจะเป็นกำลังของบ้านเมืองจริง ก็การประเภทใดเล่า

                   ที่จะทำให้พลเมืองมากขึ้นและแข็งแรง ก็คือการสาธารณสุขนั่นเอง เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่าการ
                   สาธารณสุขเป็นการสำคัญยิ่งกว่าอื่น ควรบำรุงก่อนอื่น
                                                               74


                   เห็นได้ว่าชนชั้นนำไทยได้ตระหนักถึงการที่จะต้องมีกำลังคนมาทำการผลิตในทางเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจ
            ไทยหลังการทำสัญญาเบาว์ริ่งในปี 2398 ซึ่งเป็นการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจทุนนิยมโลกที่ต้องการกำลังแรงงาน

            เพื่อผลิตสินค้าขายในตลาดโลก และในทางสังคมการเมืองก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเป็นรัฐสมัยใหม่ ที่

            จะต้องมีพลเมืองที่มีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันประเทศ ทั้งการสร้างกองทัพสมัยใหม่ และการปกครองที่
            ต้องมีระบบราชการสมัยใหม่ขึ้นมาเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการรัฐกิจ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของรัฐสมัยใหม่ต้อง

            ดำเนินการ
                   การจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศสยามให้เป็นรัฐชาติสมัยใหม่ได้นั้น ผู้นำรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์

            สยามตั้งแต่ปลายกลางพุทธศตวรรษที่ 25 ต่างก็รู้ดีว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุข

            ให้ดีขึ้น โดยการลดอัตราการตายของประชากรลง ด้วยวิธีการที่สำคัญ 2 ประการ ประการแรก คือ การดูแลอนามัยแม่
            และเด็กให้มีความปลอดภัย ซึ่งทำให้อัตราการคลอดของทารกมีชีวิตรอดสูงและไม่เกิดอันตราย หรือการเสียชีวิตของ

            มารดาในระหว่างตั้งครรภ์และคลอด อันจะทำให้อัตราการเพิ่มของประชากรสูงขึ้น เพราะมีอัตราการเกิดสูงอยู่แล้ว
            ส่วนเป้าหมายสำคัญประการที่สอง ของการแพทย์ก็คือการปราบปรามโรคระบาดที่คร่าชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก

            แต่ขณะเดียวกัน การแสดงบทบาทในการป้องกันโรคระบาดได้ทำให้วิทยาการทางการแพทย์แบบตะวันตกขยายตัวขึ้น



                   73  คำปรารภของสมเด็จพระวรวงศ์เธอกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ในการจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุทางแพทย์ฉบับที่ 1 พ.ศ.
            2461; และดูคำประกาศตั้งกรมสาธารณสุข พ.ศ. 2461 เป็นกรมสาธารณสุขแห่งชาติรวบรวมหน้าที่ด้านอนามัยประชาชนมาไว้ด้วยกัน

            ใน เฉลิมพระเกียรติพลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร (กระทรวงสาธารณสุขพิมพ์เป็นที่ระลึกในการเสด็จ
            พระราชดำเนินเปิดพระรูปอนุสาวรีย์ ณ กระทรวงสาธารณสุข 27 พฤศจิกายน 2509), หน้า 21-44.
                   74  ชัยนาทนเรนทร, สมเด็จพระวรวงศ์เธอ กรมพระ, “ปาฐกถาเรื่องการสาธารณสุขคืออะไร,” ใน เฉลิมพระเกียรติพลเอก

            สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทเรนทร (กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข, 2509), หน้า 57.
                                                            35
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41