Page 128 - b29256_Fulltext
P. 128

ในขณะที่โรคระบาดร้ายแรงอย่างทรพิษ เห็นได้ชัดว่าได้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบการจัดการแบบเดิมที่ออก

            กฎหมายจัดการเฉพาะโรคได้ผลดีจนไม่เป็นอันตรายมาก มีอัตราตายน้อยลง จากการขยายการปลูกฝีไปยังหัวเมือง ก็

            เห็นชัดเจนถึงความจำเป็นต้องปรับบทบาทของพนักงานปลูกฝีไปทำงานป้องกันโรคติดต่ออย่างอื่นเพิ่มขึ้น ดังการออก

                                      300
            กฎหมายบังคับเลิกปลูกทรพิษ  แต่บังคับให้ปลูกฝี  ทั่วประเทศ โดยการปลูกเชื้อฝีวัวดำเนินเรื่อยมาจนถึงสมัย
                                                        301
            รัชกาลที่ 6 มีการออกพระราชบัญญัติจัดการป้องกันไข้ทรพิษ พ.ศ. 2456 ลงประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 1
            มีนาคม พ.ศ. 2556 โดยบังคับใช้ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ถ้าจะบังคับในท้องที่อื่นก็จะต้องประกาศเขตท้องที่ในราชกิจจา

            นุเบกษาก่อน ใจความสำคัญ คือบังคับให้ประชาชนทุกคนมารับการปลูกฝีที่รัฐจัดให้ ถ้ารัฐตั้งกองบริการปลูกฝีในท้องที่

            ใดให้ราษฎรมาปลูกฝี ถ้าไม่มาจะมีความผิดต้องรับโทษปรับเงินจำนวน 10 บาทรวมทั้งผู้ปกครองเด็กที่ไม่พาเด็กมาปลูก

            ด้วย (มาตร 15) และห้ามไม่ให้ปลูกทรพิษกับประชาชนเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 50 บาทและโทษขังไม่เกิน 10
                                                                                           302
            วันหรือทั้งจำทั้งปรับ และหากทำให้คนนั้นบาดเจ็บหรือล้มตายต้องรับโทษทางอาญา (มาตรา 13)  อีกด้วย

                   ส่งผลให้มีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติด้วยการประกาศตั้งกองไปปลูกฝีขึ้นในท้องที่มณฑลต่างๆ  แล้วบังคับ

            ตามความในพระราชบัญญัตินี้ให้ประชาชนมารับการปลูกฝีได้จำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังปรากฏหลักฐานในราช

                                                                   303
            กิจจานุเบกษาตั้งแต่ พ.ศ. 2458 ในมณฑลนครไชศรีเป็นแห่งแรก  และมณฑลปราจีนบุรีต่อมาในวันที่ 19 มีนาคม
            2558  (นับแบบเดิมแต่จะเป็นปี พ.ศ. 2559 ถ้านับแบบปัจจุบัน) และอีก 10 ปีใน พ.ศ. 2466 จึงประกาศใช้ในมณฑล
                304
                                                                   306
                                                                                                           307
            ราชบุรี  รวมถึงมณฑลอยุธยา นครราชสีมา ภูเก็ตและพิศณุโลก  (นับศักราชแบบเก่า) พ.ศ. 2470 มณฑลอุดร
                  305
            พ.ศ. 2473 ประกาศในมณฑลที่เหลือทั้งหมดได้แก่ พายัพ นครสวรรค์ จันทบุรี นครศรีธรรมราช และปัตตานี  ซึ่งการ
                                                                                                     308
            ออกพระราชบัญญัตินี้ทำให้การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษก้าวหน้าไปอย่างมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะสามารถดำเนินการไป





                   300  วิธีการปลูกทรพิษ (inoculation) คือการนำเชื้อไข้ทรพิษจากหนองฝีของคนป่วยมาปลูกให้กับคนปกติที่ยังไม่ป่วยโดยตรง
            และจะมีอาการเป็นไข้ทรพิษอ่อนๆ หรือในบางครั้งอาจเกิดอาการแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากภูมิต้านทานของแต่ละคนไม่
            เท่ากัน แต่เมื่อป่วยแล้วก็จะมีภูมิต้านทานไปตลอดชีวิต

                   301  การปลูกฝี คือวิธีการป้องกันทรพิษด้วยเชื้อฝีวัวซึ่งก็คือวิธีการวัคซีน (vaccination) เอ็ดเวิร์ด เจเนอร์ค้นพบและเผยแพร่วิธี
            นี้เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2339 (ค.ศ. 1796) โดยวิธีการนี้เป็นการทำให้เชื้อโรคลดความอันตรายลงด้วยการเอาเชื้อไปใส่ในวัวให้ป่วยแล้ว
            เอาหนองจากฝีวัวมาปลูกในคนจนป่วยแต่ไม่รุนแรงและอันตรายเท่ากับการปลูกทรพิษจากคนสู่คนโดยตรง จึงเป็นวิธีการที่ยอมรับกัน

            แพร่หลายต่อมา
                   302  ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 30  (1 มีนาคม พ.ศ. 2556): 445-451.
                   303  ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 32  (5 กันยายน พ.ศ. 2558): 195.
                   304  ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 32  (19 มีนาคม พ.ศ. 2558): 507.

                   305  ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 40  (15 เมษายน พ.ศ. 2566): 9.
                   306  ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 41  (4 มกราคม พ.ศ. 2567): 299.
                   307  ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 44  (30 ตุลาคม พ.ศ. 2570): 240.

                   308  ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 47  (2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2573): 242.
                                                           127
   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132   133