Page 12 - b29256_Fulltext
P. 12
จัดการการแพทย์และสาธารณสุขของรัฐไทยสมัยรัชกาลที่ 7 และหลักฐานชั้นรองประเภท หนังสือ วิทยานิพนธ์
งานวิจัย และตำราในห้องสมุดมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยมีขั้นตอนวิจัยเริ่มจากเก็บรวบรวมข้อมูลชั้นต้นร่วมสมัยทั้งหมด
แยกประเด็นประเมินและวิพากษ์หลักฐานทุกชิ้น ก่อนจะนำมาวิเคราะห์และเรียบเรียงเป็นงานเขียนทางประวัติศาสตร์
ขึ้นเป็นฐานข้อมูลและองค์ความรู้ประวัติศาสตร์การแพทย์และการสาธารณสุขในสมัยรัชกาลที่ 7
ขอบเขตด้านระยะเวลาของการวิจัยศึกษาเฉพาะเจาะจงในเวลาของการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ระหว่างปี 2468-2477 อันเป็นช่วงเวลาที่เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่คือการ
สิ้นสุดของสมบูรณาญาสิทธิราชย์และการเริ่มต้นการปกครองระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญหลังการ
เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 แต่อย่างไรก็ตามในการศึกษาทางประวัติศาสตร์นั้นจำเป็นจะต้องวิเคราะห์ถึง
พัฒนาการทางนโยบายการแพทย์และการสาธารณสุขที่สำคัญอันส่งผลต่อมาถึงการดำเนินนโยบายในรัชกาลที่ 7 และ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นด้วยเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างครบถ้วน
1.4 การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ (information) ที่เกี่ยวข้อง
การทบทวนวรรณกรรมการศึกษาประวัติศาสตร์การแพทย์และการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องและเป็นแนวทางใน
การศึกษาประวัติศาสตร์การแพทย์และการสาธารณสุขในสมัยรัชกาลที่ 7 เพื่ออาศัยเป็นแนวคิดและแนวทางการดำเนิน
วิจัยต่อไป จึงขอแบ่งงานศึกษาออกเป็น 2 กลุ่ม ดังรายละเอียดต่อไปนี้
งานที่ศึกษาประวัติศาสตร์การแพทย์โดยรวมในช่วงเวลาที่ยาวหรือ
เป็นยุคสมัยยาวทางประวัติศาสตร์
งานที่ศึกษาถึงการจัดการการแพทย์และการสาธารณสุขโดยรวมถือเป็นแนวทางแรกที่เกิดขึ้นในกระแส
ประวัติศาสตร์นิพนธ์การแพทย์และการสาธารณสุขไทย ดังปรากฏในงานของ จรัล เกรันพงษ์ เรื่อง ประวัติการแพทย์
ไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (2525) ที่จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีที่ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการ
ทางประวัติศาสตร์การแพทย์ในรอบ 200 ปีที่ผ่านมาก็ปรากฏว่า เป็นการนำเสนอถึงประวัติการจัดตั้งและดำเนินการ
โรงพยาบาลและการศึกษาเล่าเรียนของแพทย์ พยาบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุขแผนปัจจุบันที่มีอยู่ในประเทศไทย
ทั้งหมดเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทบวงมหาวิทยาลัย และเหล่าทัพต่างๆ โดยพยายามที่จะเสนอ
ให้เห็นถึงพัฒนาการของการจัดตั้งสถาบันทางการแพทย์เหล่านี้ให้ทั่วถึงและเพียงพอกับความต้องการของประชาชนทั้ง
ประเทศเป็นประเด็นหลัก แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสิทธิภาพของการบริการด้านสาธารณสุขที่จัดให้
โดยรัฐอย่างเพียงพอ หรือวิพากษ์วิจารณ์การจัดการด้านสาธารณสุขในแง่ของการกระจายและสามารถเข้าถึงอย่างเท่า
เทียมระหว่างพื้นที่ในเมืองและชนบทหรือระหว่างชนชั้นต่างๆ ในสังคมเลย ทั้งยังเป็นไปในด้านการชื่นชมและสนับสนุน
การดำเนินนโยบายขยายสถานบริการของรัฐเป็นหลัก
และงานที่ศึกษาถึงการจัดการการแพทย์และการสาธารณสุขโดยรวมก็เกิดขึ้นในแวดวงการศึกษาในประเทศใน
ปีถัดมาจากวิทยานิพนธ์ ของเพ็ญศรี กวีวงศ์ประเสริฐ เรื่อง บทบาทของรัฐต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน (พ.ศ.
2325-หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475) (2528) ซึ่งงานชิ้นนี้นับได้ว่าเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกนำมาใช้
11