Page 70 - b28783_Fulltext
P. 70
ชุมชนริมน้ าโขง การปรับตัวของชุมชนเริ่มมาก่อนจากวิกฤติแม่น้ าโขง ที่เกิดภาวะท่วมหน้าแล้ง
แห้งหน้าฝน ปลาขึ้นผิดฤดูกาล น้ าใส ท าให้สาหร่ายขึ้นมาก เป็นอุปสรรคต่อการจับปลา ผลกระทบจากการ
เปลี่ยนแปลงสายน้ าท าให้ประเพณี ช่วงเวลาการด านาเปลี่ยนไปด้วย รายได้ประมง ปลูกพืชริมตลิ่ง และ
การท่องเที่ยวไม่แน่นอน จากระดับน้ าโขงที่เปลี่ยนแปลง และเมื่อเจอผลกระทบโควิด 19 แม่น้ าโขงเป็น
แหล่งอาหารส าคัญในช่วงโควิด ชาวบ้านต้องการหาทางออกใหม่ๆ เช่น การพัฒนาอาชีพและทักษะที่
เกี่ยวกับแม่น้ าโขงเช่น แปรรูปปลา ผ้าทอ และน าเที่ยว ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่องเที่ยวรองรับ
และที่ส าคัญคือ เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศอาหารในล าน้ าโขงสาขาย่อย ที่ประกอบด้วยกุด หนอง ทาม เช่น บ้าน
ส าโรงก าลังเริ่มอนุรักษ์ปลาในบุ้งในฮ่องไผ่และในพื้นที่ส าโรงให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์และห้ามใช้อุปกรณ์การจับ
ปลาผิดประเภทเป็นข้อตกลงในชุมชนที่ต้องปฏิบัติตาม บางบ้านริเริ่มบ่ออนุบาลพันธ์ปลาในหนอง ติดต่อให้
กรมประมงประกาศเขตอนุรักษ์ปลาในพื้นที่ นอกจากนี้ยังชาวบ้านยังตั้งกองทุนปลาที่ริเริ่มจัดตั้งที่บ้านผา
ชัน ให้น าไปใช้ในชุมชนอื่น ๆ ด้วย บ้านปากกะหลางก าลังต้องการจัดตั้งกลุ่มส่งเสริมอาชีพผ้าย้อมคราม
และปฏิทินการท่องเที่ยวต่อเพื่อโปรโมทและส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม ส่วนบ้านโป่งเป้าก าลังท า
การแก้ไขโดยเพาะพันธ์ปลาในบ่ออนุบาลแล้วปล่อยปลาคืนสู่ธรรมชาติตามบุ้งโบกในพื้นที่สามพันโบก ท า
การอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ควบคู่กันไป
ที่น่าสนใจคือ กระบวนการปรับตัวของชุมชนริมน้ าโขง มาจากการเผชิญปัญหาผลกระทบต่อ
ความมั่นคงอาหาร และมีภาคประชาสังคมมาเสริมพลังการปรับตัวชุมชนด้วยการให้ชุมชนท าวิจัยเชิง
ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ท าให้เกิดกระบวนการเรียนรู้เพื่อปรับตัวสร้างภูมิคุ้มกันในภาวะวิกฤติ และเมื่อ
เกิดภาวะวิกฤติโควิด ชาวบ้านยิ่งเห็นความส าคัญของการฟื้นฟูระบบนิเวศย่อย สร้างความมั่นคงอาหาร
แสวงหารายได้ต่าง ๆ
การปรับตัวของชุมชนฉะเชิงเทรา จากเดิมเศรษฐกิจภาคครัวเรือนของชุมชนคลองตะเกราก็ไม่
ค่อยดีอยู่แล้วเพราะความแห้งแล้ง วิกฤติโควิดไม่ได้ซ้ าเติมมากนัก สภาพการรับซื้อยาง มัน และพืช
เศรษฐกิจอื่นๆจากพ่อค้ายังคงเท่าเดิม เพียงในช่วงพรก.ฉุกเฉินเท่านั้นที่กรีดยางไม่ได้ และผักผลไม้ขายไม่ได้
ท าให้รายได้หายไปกว่าครึ่ง ชาวบ้านจึงหันมารับจ้าง เช่น ถางหญ้า เก็บสับปะรด ปลูกพืชให้หลากหลาย
มากขึ้น และลดค่าใช้จ่าย เช่นซื้อของจากออนไลน์ซึ่งถูกกว่า
การลูกผักสวนครัวที่เพิ่มขึ้น เป็นตามฤดูกาลอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี แต่จ านวนผู้ปลูกผักกินเองยังไม่
ถึง 50% และมักจะปลูกพืชเชิงเดี่ยวไว้จ าหน่ายเพียงอย่างเดียวเพราะมีข้อจ ากัดด้านพื้นที่ ชาวบ้านยัง
ปรับตัวด้วยการเก็บเห็ดกันมากกว่าปกติ เพราะเห็ดขึ้นชุกชุม (เพราะอากาศร้อนผิดปกติ) ตกปลามากขึ้น
ชาวบ้านเลือกที่จะไม่กู้หนี้เพิ่ม ใช้วิธีอยู่อย่างประหยัด ได้เงินช่วยห้าพันบาท และมีช่องทางหา
รายได้เสริม เช่น อสม.ก็ได้เงินค่าจ้าง ส่วนธนาคารออมสินกับธกส.ก็พักหนี้ให้ แต่ปัญหาส าคัญอยู่ที่ราคา
พืชผลที่ตกต่ า สภาวะภัยแล้งต่อเนื่อง ท าให้ชาวบ้านไม่มีศักยภาพในการลงทุนการผลิตต่อไป การปรับตัว
ของชุมชนในห้วงเวลานี้จึงเป็นไปอย่างจ ากัด และก าลังเผชิญความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
ชุมชนสิงหนคร สงขลา ชาวบ้านมีฐานความมั่นคงอาหาร มีกลุ่มออมทรัพย์ที่เข้มแข็ง และยังมี
ระบบธุรกิจชุมชน เช่น ร้านครัวใบโหนด แต่กระนั้นเมื่อเผชิญภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโควิด ชาวบ้าน
จ าเป็นต้องปรับตัวเพื่อเผชิญกับวิกฤติดังกล่าว รูปแบบการปรับตัวมีหลายอย่าง ได้แก่ มีการปลูกพืชผักสวน
ครัวเพิ่มขึ้น ท าเกษตรอินทรีย์ไว้กินเอง และส่งให้โรงเรียนไว้บริโภค ที่เหลือก็แปรรูปไว้ขายในระยะยาวเช่น
มะม่วงกวน เปิดตลาดชุมชนเกษตรอินทรีย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด โดยเกษตรกรขายตรงสู่
ผู้บริโภค ได้ผล คนชั้นกลางที่มีเงินเดือนเช่นข้าราชการเข้ามาซื้อของกันมาก เพราะชูเรื่องไร้สารพิษ ได้เงิน
หมุนเวียนถึงสองแสนบาทต่อวัน แม่ค้าก็เก็บผักเก็บหญ้าจับปลามาขายมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
55