Page 36 - 23154_Fulltext
P. 36

31


               และไม่ควรอนุญาตให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องส่วนตัวยกเว้นว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวข้องกับประเด็นสาธารณะ
               นอกจากนี้ ในส่วนของการอภิปรายที่มักจะมีการขัดจังหวะเช่นการประท้วงเสมอ ท าให้ประชาชนเบื่อหน่ายและ

               เสื่อมศรัทธา
                       ในส่วนของบทบาทในกระบวนการนิติบัญญัติโดยศึกษาบทบาทของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในการ
               เสนอร่างกฎหมายและพิจารณากฎหมายและการเสนอร่างกฎหมายโดยประชาชน ซึ่งงานวิจัยฉบับนี้พบว่า ปัจจุบัน
               กฎหมายส่วนใหญ่ได้รับการริเริ่มมาจากระบบราชการแทนที่จะมาจากประชาชนหรือรัฐสภาจึงมีข้อเสนอแนะใน

               กระบวนการนิติบัญญัติทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ซึ่งการแก้ปัญหาระยะสั้นนั้น ได้ก าหนดกรอบเวลาในการ
               พิจารณารับรองกฎหมาย วันวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายที่เสนอชื่อโดยประชาชนเป็นร่างกฎหมายในหมวด 3 หรือ
               หมวด 5 หรือไม่ และควรมีวิธีการทบทวนการจัดตั้งนักกฎหมายนิติบัญญัติ ส่วนในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
               ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจถึงหน้าที่ที่แท้จริงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร


                       ตัวอย่างของงานศึกษาเรื่องระบบรัฐสภาในเชิงโครงสร้างและอ านาจหน้าที่อีกลักษณะหนึ่งคืองานศึกษา
               ความสัมพันธ์ระหว่างอ านาจนิติบัญญัติและอ านาจบริหาร ตัวอย่างของงานในลักษณะนี้ คือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
               และภูริ ฟูวงศ์เจริญ (2558) ที่ศึกษาแนวทางปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างอ านาจนิติบัญญัติกับอ านาจบริหาร โดย

               เสนอว่า การปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารให้เกิดดุลยภาพต้องอาศัยรัฐบาลผสมที่เป็น
               อันหนึ่งอันเดียว มีเอกภาพเพียงพอที่จะบังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐ  ซึ่งต้องมีการออกแบบระบบเลือกตั้ง และ
               การวางกฎหมายคณะรัฐมนตรีอย่างระมัดระวัง เมื่อท าให้ฝ่ายบริหารตั้งอยู่บนรัฐบาลผสมที่มีเอกภาพเพียงพอได้

               แล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติเองก็ต้องถูกปฏิรูปให้เป็นอิสระจากการควบคุมแบบเบ็ดเสร็จของพรรคการเมือง ซึ่งงานชิ้นนี้
               เสนอว่าแนวทางที่ก าหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เหมาะสมแล้ว แต่ยังควรถูกเสริมด้วยพระราชบัญญัติ
               พรรคการเมืองไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกผูกมัดโดยวินัยพรรคจนเกินพอดี และต้องมีสิทธิมีเสียงใน
               กระบวนการตัดสินใจภายในพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียมกับผู้บริหารพรรค นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้
               คณะกรรมาธิการในรัฐสภาท าหน้าที่เป็นเสาหลักของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย และ ชาติชาย ณ เชียงใหม่ (2563) ที่

               ศึกษาเรื่องการจัดความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 โดยเสนอว่า
               รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ได้ก าหนดหลักการ มาตรการและวิธีการตรวจสอบและถ่วงดุลอ านาจที่มุ่งให้ฝ่ายนิติ
               บัญญัติสามารถท างานได้ดี คุ้มครองให้ประชาชนใช้สิทธิและเสรีภาพได้จริง ให้ฝ่ายบริหารสามารถน านโยบายที่

               แถลงไปปฏิบัติบรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและธรรมาภิบาล และองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบให้
               ทุกฝ่ายท าหน้าที่ของตนได้ถูกต้องชอบธรรม รวมทั้งมีกระบวนการและกลไกในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่าง
               หน้าที่และอ านาจของทุกฝ่ายให้มีความสมดุลราบรื่น และบรรลุประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถของทุก
               สถาบันการเมืองในการท าหน้าที่อย่างถูกต้อง รวดเร็ว อิสระ และมีธรรมาภิบาล



                       งานศึกษาระบบรัฐสภาของไทยในเชิงประสิทธิผล


                       งานศึกษาระบบรัฐสภาของไทยในเชิงประสิทธิผลนั้นจะเน้นไปที่การประเมินผลงานของรัฐสภา ตัวอย่าง
               ของงานในลักษณะนี้ คือ นรนิติ เศรษฐบุตร และ สมคิด เลิศไพฑูรย์ (2545) ได้ศึกษาประสิทธิผลของรัฐสภาไทย
               ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และพบว่าหน้าที่หลักของรัฐสภาตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มี 3 ประการ คือ
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41