Page 25 - 22816_Fulltext
P. 25
2
ทุกภูมิภาค ในช่วงปี 2549 พบว่านักเรียนกว่าร้อยละ 40 เคยถูกรังแกปีละ 2-3 ครั้ง การรังแกกัน
ในหมู่เพื่อนเกิดมากที่สุด ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และลดลงตามระดับชั้นที่สูงขึ้น พฤติกรรม
ที่คล้ายกันทุกภาค คือ ทำร้ายจิตใจด้วยวาจา ล้อเลียนเหยียดหยามเชื่อชาติผิวพรรณและพบการคุกคาม
ทางเพศ นอกจากนั้นในภาคตะวันออกยังมีการแย่งเงินและของใช้ สถานที่เกิดความรุนแรง 4 อันดับ
ประกอบด้วย ในห้องเรียนเวลาครูไม่อยู่ ทางเดินหน้าห้อง บันไดสนามโรงอาหาร และในห้องเรียน
ต่อหน้าครู (ศศิรัศม์ วีระไวทยะ, 2554)
กล่าวอย่างเจาะจงจากสถานการณ์การทะเลาะวิวาทกันของนักเรียนอาชีวะในภาพรวม
ซึ่งมีความเข้มข้นเกิดขึ้นมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละช่วง กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ได้พยายามหาแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เช่น ในช่วงปี 2552 กระทรวงศึกษาธิการ
ได้กำหนดแนวปฏิบัติในการป้องกันการก่อเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันของนักเรียน
นักศึกษา 10 ข้อ เช่น 1. ใช้มาตรการทางกฎหมายกรณีนักเรียน นักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่กระทำผิด
ร้ายแรง 2. สถาบัน สถานศึกษา หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ต้องกำหนดแผนและวิธีการป้องกันการ
ก่อเหตุ ตลอดจนการช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่ประสบเหตุ 3. ให้สถาบัน สถานศึกษา สร้างเครือข่าย
ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และนักเรียน นักศึกษาปัจจุบัน เพื่อ
ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม ในเชิงสร้างสรรค์ 4. สถาบัน สถานศึกษา ให้ความร่วมมือ
พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปนิเทศตรวจเยี่ยม รวมถึงตรวจสอบบุคคลและรถทุกชนิด
ที่เข้า-ออก เพื่อป้องกันเหตุ 5. ให้มีการสำรวจพื้นที่ที่มักเกิดปัญหา จัดให้มีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว
เพื่อเข้าระงับเหตุ 6. สถาบัน สถานศึกษา จัดกิจกรรมร่วมกัน ด้วยกระบวนการเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรม
จิตอาสา การสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคี เพื่อละลายพฤติกรรมและแก้ปัญหาในระยะยาว
อย่างต่อเนื่อง 7. ให้สถาบัน สถานศึกษา สำรวจ เฝ้าระวัง และติดตามนักเรียน นักศึกษาที่เสี่ยง
ต่อการกระทำผิดเพื่อจัดกิจกรรมในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง
8. องค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ สถาบัน สถานที่ศึกษาให้จัดให้มีระบบการติดตาม ดูแล
ความประพฤตินักเรียน นักศึกษา มีศูนย์รายงานและแก้ไขเหตุการณ์โดยเร่งด่วน (ชุลีกร ภูบุญเจริญไทย,
2552)
จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระดับต่าง ๆ ของสถานศึกษา คณะรัฐมนตรี
ได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งศูนย์สันติวิธีขึ้นในสถานศึกษา คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาผลการสัมมนา
ของสถาบันพระปกเกล้า เรื่อง “รัฐบาลใหม่กับการจัดการความขัดแย้งในสังคม” ซึ่งมีข้อเสนอ
เพื่อพิจารณารวม 2 ประการ คือ 1. การจัดตั้งศูนย์สันติวิธีหรือศูนย์สันติศึกษาขึ้นในมหาวิทยาลัย
เพื่อบรรจุเรื่องการขจัดความขัดแย้งเป็นหลักสูตรหนึ่งของมหาวิทยาลัย และ 2. จัดตั้งสถาบันหรือ
องค์กรอิสระเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งและไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 มีสาระสำคัญ คือ