Page 24 - 22816_Fulltext
P. 24
1
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความสำคัญและที่มาของปัญหา
การพัฒนาที่ขาดสมดุล เน้นตนเองเป็นศูนย์กลาง เน้นการพัฒนาวัตถุ แต่ขาดการปลูกฝังทักษะ
ชีวิตทำให้รู้จักการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน (learning to live together) เป็นปัญหาที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง
และจากสถานการณ์ดังกล่าว มีความพยายามในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดการศึกษา เช่น
ในปี 2540 องค์การ UNESCO โดยคณะกรรมการระหว่างประเทศและการศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
ได้กล่าวถึงการเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ร่วมกัน ซึ่งอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หรือมีการขจัด
ความขัดแย้งด้วยสันติวิธี การปลูกฝังให้ผู้เรียนตระหนักรู้และเข้าใจตนเองและผู้อื่น สามารถจัดการ
ความขัดแย้งและทำงานร่วมกันบนความเคารพและถ้อยทีถ้อยอาศัย (ศศิรัศม์ วีระไวทยะ, 2554)
สถาบันการศึกษาเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ วัฒนธรรมและทักษะ
อันจำเป็นในการดำรงชีพของสมาชิกในสังคม อีกทั้งทำให้สามารถปรับตนในการติดต่อสัมพันธ์กับ
บุคคลอื่นและปฏิบัติตนให้มีคุณค่าแก่สังคม จากหน้าที่ที่กล่าวมา สามารถกล่าวได้ว่ามีความสอดคล้องกับ
สันติวัฒนธรรมดังที่สหประชาชาติได้นิยามความหมายของสันติวัฒนธรรมไว้ว่า เกี่ยวข้องกับคุณค่า
ทัศนคติ พฤติกรรม วิถีชีวิตที่ปฏิเสธการใช้ความรุนแรง และป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ขยายตัวกลายเป็น
ความรุนแรง โดยจัดการที่รากเหง้าของปัญหาด้วยการพูดคุย นอกจากนี้ ยังรวมถึงแนวทางการประพฤติ
ปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในสังคม บนหลักการพื้นฐานของความเมตตากรุณา และความเข้าใจ
(United Nations, 1999)
แม้นว่าความขัดแย้งจะเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ แต่การจัดการไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัว
กลายเป็นความรุนแรงเป็นสิ่งจำเป็น สถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงในสถานศึกษาเกิดขึ้น
ในหลายลักษณะและรูปแบบ มีทั้งการทำร้ายร่างกาย การใช้คำพูดให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจ
ซึ่งมีทั้งในโลกออนไลน์และแบบเผชิญหน้ากันโดยตรง ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีทั้งการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ
พิการ เจ็บป่วยทางจิตใจ ความรุนแรงในแต่ละสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นประถมศึกษา มัธยมศึกษา
อาชีวศึกษา มหาวิทยาลัยมีปรากฏให้เห็นในสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง สถานการณ์ความรุนแรง
ในการก่อเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษาบางช่วงสูงถึงปีละ 3 พันครั้ง (ชลัท
ประเทืองรัตนา, 2556) หรือเหตุการณ์การใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมของเยาวชนผ่านทางสื่อออนไลน์
มีเป็นจำนวนมาก อันส่งผลให้เกิดการใช้ความรุนแรงในระดับต่าง ๆ เกิดขึ้น กลุ่มเยาวชนมากกว่า
ร้อยละ 50 มีพฤติกรรมกลั่นแกล้งผ่านโลกไซเบอร์และคุกคามผู้อื่นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีทั้งไม่ใช้
คำพูด เช่น ภาพนิ่ง และใช้คำพูดที่เป็นข้อความแสดงความคิดเห็น (สุดารัตน์ รัตนพงษ์, 2564)
ความรุนแรงในสถานศึกษา มีงานวิจัยหลายชิ้น ที่มีข้อมูลน่าสนใจ เช่น สมบัติ ตาปัญญา
สำรวจข้อมูลสถิติการรังแก จากเด็กประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ใน 8 จังหวัดกระจาย