Page 6 - รายงานฉบับสมบูรณ์
P. 6

ชัดแจ้ง แต่ศาลรัฐธรรมนูญตีความเองว่าเพิ่มจากห้าปีเป็นสิบปี ส าคัญที่สุด คือ กฎหมายเหล่านี้ของไทยถูก

               วิจารณ์ในแง่ของความชอบธรรม เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองทั้งสองฉบับ (ฉบับ พ.ศ. 2550 และ
               ฉบับ พ.ศ. 2560) เป็นผลพวงมาจากรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ซึ่งน ามาสู่รัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560

               ซึ่งมีความรังเกียจการเมืองแบบเลือกตั้งและพรรคการเมืองเป็นพื้นฐาน ท าให้กระบวนการร่างกฎหมาย

               ไม่มีส่วนร่วมของประชาชน

                       เหตุแห่งการยุบพรรคนั้นมีปัญหาทั้งในตัวบท ซึ่งยิบย่อยและไม่ชัดเจน และการตีความ การกระท าผิด
               ที่พรรคการเมืองถูกกล่าวหาน าไปสู่การเลือกตั้งไม่เสรีเป็นธรรม และอาจจะน าไปสู่การทุจริตประพฤติมิชอบ

               แต่การกระท าเหล่านี้ไม่ใช่การใช้ความรุนแรงล้มล้างการปกครอง นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่าเราจะถือ

               การกระท าดังกล่าวเป็นการกระท าของพรรคการเมือง หรือของสมาชิกบางส่วนของพรรคการเมืองนั้นกันแน่
               ศาลมุ่งเน้นไปที่การกระท าโดยไม่ได้สนใจค้นหาอุดมการณ์ที่แท้จริงของพรรคการเมืองเหล่านี้ ซึ่งไม่สอดคล้อง

               กับมาตรฐานสากล

                       ด้านกระบวนการนั้น ศาลรัฐธรรมนูญควรจะระมัดระวังอย่างยิ่งในการพิจารณาคดีและท าค าวินิจฉัย

               แต่ก็ปรากฏว่ามีข้อบกพร่องหลายประการ บางครั้งเป็นเหตุแทรกแซงภายนอก เช่น การรัฐประหาร
               และยุบศาลรัฐธรรมนูญ แต่บางเรื่องเป็นเรื่องกระบวนการพิจารณาคดีที่เร่งรัด ไม่เป็นไปตามหลักการที่ควรเป็น

               น าไปสู่ข้อสงสัยเรื่องความเป็นกลางของศาลเอง

                       สุดท้ายแล้ว ด้านวัตถุประสงค์ การยุบพรรคการเมืองไทยไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย การยุบพรรคถูกใช้

               ยกขึ้นมาขู่พรรคการเมืองตลอดเวลา แสดงให้เห็นการเปลี่ยนกลไกการยุบพรรค จากกลไกป้องกัน

               ประชาธิปไตย (defensive mechanism) ไปเป็นอาวุธ (weaponizing) รัฐไทยไม่เคยเลือกใช้มาตรการอื่น
               ที่เบากว่ามาใช้ลงโทษพรรคการเมือง ตรงกันข้าม รัฐเลือกใช้การยุบพรรคควบคู่ไปกับคดีอาญา การยุบพรรค

               การเมืองเหล่านี้ปิดพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ และพยายามบีบบังคับให้สังคมไทย
               ลดความหลากหลายของความคิดเห็นลง


                       การยุบพรรคการเมืองของไทยนั้น ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยป้องกันตนเอง และเป็นผลร้ายต่อ
               ประชาธิปไตยมากกว่า


                       แก้ปัญหาการยุบพรรคการเมือง สมควรแบ่งออกเป็นเรื่องของกฎหมายเอง และการใช้บังคับกฎหมาย
               ในส่วนของกฎหมาย ปัญหาหลักคือกฎหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดหลักประกัน และกว้างขวางมากเกินไป

                       การยุบพรรคการเมืองควรบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนกว่ามาตรา 49 ในปัจจุบัน โดยพิจารณาจาก

               ตัวอย่างมาตรา 22 ของกฎหมายพื้นฐานของเยอรมนี คือ รับรองความส าคัญของพรรคการเมืองไว้ พร้อมกับระบุ

               เหตุในการจ ากัดสิทธิ โดยเฉพาะการยุบพรรคไว้ให้ชัดเจน และไม่ควรให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
               พรรคการเมืองบัญญัติเหตุอื่นเพิ่มเติมได้อีก หากจะท าได้ก็เพียงขยายความจากรัฐธรรมนูญเท่านั้น


                       การกระท าที่จะน าไปสู่การยุบพรรคการเมืองได้นั้นควรแยกระหว่างการกระท าอันเป็นการล้มล้าง
               การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขออกจากการกระท าผิดกฎหมาย





                                                                                                    ~ 3 ~
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11