Page 4 - รายงานฉบับสมบูรณ์
P. 4
บทสรุปส าหรับผู้บริหาร
พรรคการเมืองเป็นองค์ประกอบส าคัญของระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ สิทธิในการจัดตั้งหรือ
เข้าร่วมกับพรรคการเมืองจึงเป็นสิทธิมนุษยชนที่ถูกรับรองไว้ในมาตรา 20 ของค าประกาศสากลว่าด้วยสิทธิ
มนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) แต่ในขณะเดียวกัน พรรคการเมืองก็เคยถูกใช้เป็น
เครื่องเถลิงอ านาจของเผด็จการผู้ท าลายระบอบประชาธิปไตยนั้นเองด้วย พรรคการเมืองจึงเป็นองค์ประกอบที่
ขาดไม่ได้ในระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตย แต่ก็ไม่อาจปล่อยละเลยไม่ควบคุม หากพรรคการเมืองใช้สิทธิ
เสรีภาพของตนเองเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองนั้นก็ต้องถูกสกัดหรือลงโทษ เป็นไปตาม
หลักประชาธิปไตยป้องกันตนเอง (militant democracy) ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มาของการยุบพรรคการเมือง
หลักฐานเชิงประจักษ์ชี้ให้เห็นว่ามาตรการยุบพรรคนั้นถูกใช้อย่างแพร่หลายไปทั่ว ในบางครั้งถูกใช้เพื่อปกป้อง
ประชาธิปไตยจากพรรคการเมืองที่มีแนวคิดสุดโต่ง มุ่งจะท าลายระบอบประชาธิปไตย แต่บางครั้งการยุบพรรค
ก็น่าสงสัยว่าเป็นไปเพื่อท าลายประชาธิปไตยเสียเอง
ประเทศไทยเองมีกฎหมายควบคุมพรรคการเมือง โดยเฉพาะเรื่องยุบพรรคการเมืองอย่างละเอียด
จนถูกวิจารณ์เป็นมาตรการที่รุนแรงเกินสัดส่วน และท าให้พรรคการเมืองอ่อนแอ กระนั้นก็ตามเมื่อรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 กลับขยายเหตุแห่งการยุบพรรคกว้างขวางมากกว่าพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา ยิ่งกว่านั้นภายในระยะเวลาสี่ปีหลังจากประกาศบังคับใช้กฎหมาย มีค าวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญที่ส าคัญเรื่องการยุบพรรคถึงสองครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการยุบพรรคไทยรักษาชาติ หรือ
พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีแง่มุมให้วิพากษ์วิจารณ์ได้ในทางกฎหมาย งานวิจัยนี้จึงตั้งค าถามว่า
การยุบพรรคการเมืองของไทย ภายใต้กลไกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเอง พ.ศ. 2560
ช่วยปกป้องหรือท าลายประชาธิปไตยกันแน่
มาตรการการยุบพรรคการเมืองอยู่บนพื้นฐานความคิดสามข้อ คือ หนึ่ง ความเชื่อว่าพรรคการเมือง
เป็นกลไกส าคัญของประชาธิปไตยแบบตัวแทน ซึ่งอาจส่งเสริมหรือท าลายประชาธิปไตยลงก็ได้ สอง ดังนั้นแล้ว
ประชาธิปไตยต้องสามารถป้องกันตนเองจากพรรคการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยได้ แนวคิดประชาธิปไตย
ป้องกันตนเอง (militant democracy) ก าเนิดมาจากประสบการณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และสุดท้าย
คือ แนวคิดตุลาการภิวัตน์ ซึ่งเห็นว่าฝ่ายตุลาการจ าเป็นต้องเข้ามาอุดช่องโหว่ของระบบประชาธิปไตยไม่ให้
เสียงข้างมากนั้นท าลายตัวเองลงไปได้
อย่างไรก็ดี ในด้านกลับแนวคิดข้างต้นล้วนมีจุดอ่อนและข้อถูกวิจารณ์ เพราะมาตรการยุบพรรค
การเมือง เป็นมาตรการบังคับที่มีผลรุนแรง เป็นมาตรการที่ไม่เสรี จึงเป็นมาตรการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ในตัวเองจนน าไปสู่ค าถามถึงความชอบธรรมและประสิทธิภาพของมาตรการนี้ นอกจากนั้น แนวคิดตุลาการภิวัตน์
ยังเผชิญหน้ากับค าถามถึงสัมฤทธิผลของมันด้วย เนื่องจากตุลาการนั้นเป็นองค์กรที่มีลักษณะต่อต้านเสียงข้างมาก
เกิดเป็นค าถามว่าเมื่อไหร่ที่ตุลาการควรจะเข้ามาใช้อ านาจตนเองเหนือเสียงข้างมากของประชาชนโดยยังรักษา
~ 1 ~