Page 46 - รายงานฉบับสมบูรณ์
P. 46

จะเห็นว่ากฎหมายไทยนั้น บัญญัติเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองไว้ละเอียดอย่างยิ่ง ครอบคลุมไปถึง

               การกระท าผิดกฎหมายเลือกตั้งที่ไม่ได้มีอุดมการณ์ต่อต้านระบอบประชาธิปไตยเองด้วยก็มี ดั่งเช่นมาตรา 23
               วรรคหนึ่ง การรับผู้ไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิดเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นอันตราย

               อย่างไรต่อระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ เหตุต่าง ๆ ยังใช้ถ้อยค าที่คลุมเครือ และไม่มีค าอธิบายที่ชัดเจนว่า

               เหตุแต่ละข้อนั้นแตกต่างกันอย่างไร หมายถึงกรณีเช่นไรบ้าง ระหว่างการกระท าการล้มล้างการปกครอง
               ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ การกระท าการเพื่อให้ได้มา

               ซึ่งอ านาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และกระท าการ
               อันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ

               ตลอดจนการกระท าการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย

                       เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบการกระท าของพรรคการเมืองใดอันเป็นเหตุการณ์ยุบพรรคแล้ว

               นายทะเบียนต้องแจ้งอัยการสูงสุด หากอัยการสูงสุดเห็นด้วยกับหลักฐานก็จะยื่นค าร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
               แต่หากอัยการสูงสุดไม่ยื่นค าร้อง นายทะเบียนยังสามารถตั้งคณะท างานร่วมกันกับผู้แทนจากอัยการสูงสุดแล้ว

               ให้นายทะเบียนยื่นค าร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเอง

                       เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นแล้ว กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ยุบไปจะขอจัดตั้ง

               พรรคการเมืองใหม่ หรือไปเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้น

               ใหม่อีกไม่ได้เป็นเวลาห้าปี แม้เหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองจะบัญญัติไว้กว้างขวางคลุมเครือ แต่โทษกลับ
                                                                                    118
               ค่อนข้างเบา คือ จ ากัดแค่ห้ามผู้บริหารไปร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่เป็นเวลาห้าปี


                       (1) การยุบพรรคไทยรักไทย


                       ช่วงปลายปี พ.ศ.2548 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร 2 วิกฤติการเมืองเริ่มตั้งเค้าขึ้นด้วยข้อกล่าวหา

               ว่าทักษิณลุแก่อ านาจ ทั้งเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน การทุจริตเชิงนโยบาย และความพยายามจะท าลายระบบ

               ตรวจสอบการใช้อ านาจในรัฐสภา ครอบง าองค์กรอิสระและวุฒิสภา จนเป็นที่มาของข้อวิจารณ์ว่าเผด็จการรัฐสภา
               จากแรงค้านในสภามาสู่การก่อตัวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม) ซึ่งด าเนินการประท้วง

                                                                                                  119
               ต่อเนื่องมาสู่ต้นปี 2549 แรงกดดันน ามาสู่การยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ วันที่ 2 เมษายน 2549
                       การก าหนดวันเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้มีข้อครหาจากฝ่ายค้านว่าเป็นการก าหนดวันที่กระชั้นชิดเกินไปจนไม่

               อาจเตรียมตัวได้ทัน ฝ่ายค้านทั้งหมดจึงตกลงกันไม่ร่วมลงเลือกตั้งด้วย ผลคือพรรคไทยรักไทยของทักษิณเป็น
               เพียงพรรคการเมืองใหญ่เพียงพรรคเดียวที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แม้โอกาสชนะจะค่อนข้างแน่นอน

               แต่ก็มีอุปสรรคคือ หากในเขตเลือกตั้งใดมีเพียงพรรคการเมืองเดียวลงแข่งขันจะต้องได้รับคะแนนเสียงเกิน
                                                                                     120
               ร้อยละ 20 จึงจะถือว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง มิเช่นนั้นแล้วจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่  ดังนั้นจึงมีข้อกล่าวหา


               118  พรป พรรคการเมือง 2541 มาตรา 69.
               119  ดู Kasian Tejapira, ‘Toppling Thaksin’ (2006) New Left Review.
               120  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 69.


                                                                                                   ~ 43 ~
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51