Page 66 - 22385_Fulltext
P. 66
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
ต่อเกียรติยศชื่อเสียง ซึ่งสามารถถูกฟ้องร้องเป็นคดีในความผิดฐานนั้นต่อ ไม่มีใครต้องถูกลงโทษก็ตาม ก็ยังน่าจะเป็นผลดีต่อประชาชนได้ในแง่ของ
ศาลได้ ดังนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว การเลือกปฏิบัติทั้งที่เกิดขึ้นอย่างจงใจ การ “ป้องปราม” การเลือกปฏิบัติ
และทำอย่างเป็นระบบ หรือการเลือกปฏิบัติทางอ้อมแบบแอบแฝง นอกจากนี้ มาตรา 18 วรรคสองแห่ง พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ
ตราบใดที่ไม่ได้สร้างความเสียหายหรือไม่มีพยานหลักฐานว่าสร้าง ยังกำหนดว่า ผู้เสียหายที่ยื่นคำร้องสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย
ความเสียหายต่อสิทธิของผู้ถูกเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน คงสร้างแต่ ฐานละเมิดต่อศาล เพื่อให้ศาลกำหนดค่าเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน
ผลกระทบต่อจิตใจหรือทำให้ผู้ถูกเลือกปฏิบัตินั้นเสียโอกาสในการเข้าถึง หรือค่าเสียหายเชิงลงโทษให้แก่บุคคลซึ่งถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
บริการบางอย่าง ผู้ถูกเลือกปฏิบัติจึงไม่มีช่องทางใด ๆ ที่จะขอให้ยุติ ระหว่างเพศได้อีกด้วย
การเลือกปฏิบัตินั้นได้เลย แต่เมื่อ มาตรา 17 วรรคแรก แห่ง พ.ร.บ.
ความเท่าเทียมฯ กำหนดว่า “การกำหนดนโยบาย กฎ ระเบียบ ประกาศ 5.3 ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกเลือก
มาตรการ โครงการ หรือวิธีปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน ปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศมีช่องทางร้องเรียน และได้รับ
หรือบุคคลใดในลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ การช่วยเหลือเยียวยาโดยตรงจากรัฐ
จะกระทำมิได้” ทั้งยังมีกลไกให้ผู้ถูกเลือกปฏิบัติสามารถยื่นคำร้องต่อ โดยผลของกลไกคณะกรรมการ วลพ. และการยื่นเรื่อง
คณะกรรมการ วลพ. เพื่อดำเนินการตรวจสอบ วินิจฉัย และช่วยเหลือ ร้องเรียนการเลือกปฏิบัติ ซึ่ง พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ สร้างขึ้น นอกจาก
เยียวยาความเสียหาย ย่อมส่งผลให้องค์กร หน่วยงาน หรือบุคคลใด ทำให้ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อจากการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศมีช่องทาง
(อย่างน้อยคือคนที่รู้กฎหมาย หรือได้รับการบอกแจ้งถึงการมีอยู่ของ ร้องเรียนที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงแล้ว ผู้ร้องยังอาจได้รับความช่วยเหลือ
กฎหมายฉบับนี้) ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นที่จะไม่กระทำการอันมี ทันท่วงทีนับตั้งแต่ยื่นคำร้องผ่านคำสั่งของคณะกรรมการ วลพ.
ลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติกับบุคคลอื่น หรือต้องพยายามแก้ไขปรับปรุง ในการกำหนดมาตรการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองหรือบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ร้อง
กฎระเบียบภายในของตนไม่ให้เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ มิเช่นนั้น ในระหว่างพิจารณา (มาตรา 19) ด้วย ทั้งนี้ หากปรากฏว่ามีการเลือกปฏิบัติ
อาจตกเป็นผู้ถูกร้องเรียนได้ ซึ่งต้องวุ่นวาย เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย เกิดขึ้นจริงตามคำร้อง คณะกรรมการ วลพ. สามารถออกคำสั่งเพื่อระงับ
เพื่อชี้แจงหรือต่อสู้ในกระบวนการพิจารณาโดยคณะกรรมการ วลพ. หรือป้องกันการเลือกปฏิบัตินั้น (มาตรา 20) และผู้เสียหายสามารถยื่น
อนึ่ง แม้ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ จะเป็นเพียง “กฎหมายทางเลือก” หรือ คำขอรับการชดเชยความเสียหายได้ (มาตรา 24) ตามหลักเกณฑ์กำหนด
เป็นกฎหมายในลักษณะของการให้สิทธิแก่บุคคลเท่านั้น กล่าวคือ ไม่ได้ และเพื่อให้เกิดสภาพบังคับทางกฎหมายที่จะช่วยขจัดการเลือกปฏิบัติ
กำหนดบทลงโทษสำหรับ “การเลือกปฏิบัติอันไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” ได้อย่างแท้จริง พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ ยังกำหนดบทลงโทษทางอาญาไว้
ไว้โดยตรง หากผู้ถูกกระทำคิดว่าตนไม่ได้ถูกละเมิด หรือถูกละเมิดแต่ไม่ สำหรับบุคคลผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติงานของ
เดือดร้อน และไม่ได้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายฉบับนี้ก็จะ
50 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า 51