Page 75 - 22353_Fulltext
P. 75
บทที่ 5
อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการเรื่องการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียง จังหวัดชัยภูมิ
มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาแนวทางการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประชาธิปไตย
แบบปรึกษาหารือและการสานเสวนาหาทางออก 2) เพื่อนำแนวคิดหลักการวิธีการของประชาธิปไตยแบบ
ปรึกษาหารือและการสานเสวนาหาทางออกไปประยุกต์ใช้เพื่อส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิ
ขายเสียง และ 3) เพื่อพัฒนาผลการศึกษาและแนวทางการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงให้เป็น
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ผลการศึกษาได้ชี้ให้เห็นว่าแนวทางการดำเนินโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงที่
ผู้วิจัยแบ่งไว้เป็น 3 ระยะ โดยกำหนดให้แต่ละระยะจะมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยแบบ
ปรึกษาหารือและหลักการสานเสวนาหาทางออก เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะนำมาสู่เป้าหมายตามกระบวนการ 6
ประการ คือ 1) ผู้เข้าร่วมเวทีมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น 2) ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจโครงการและยินดีเข้าร่วม
เวทีสานเสวนาหาทางออก 3) ผู้เข้าร่วมเวทีตื่นตัวร่วมกำหนดกติกาในการเลือกตั้ง และร่วมเผยแพร่โครงการนี้
4) ผู้สมัครให้ความสำคัญกับการหาเสียงเชิงสร้างสรรค์ไม่โจมตีฝ่ายตรงข้าม 5) ยอมรับผลการเลือกตั้ง และ6)
การฟ้องร้องคดีความเกี่ยวกับการเลือกตั้งลดลงหรือไม่เพิ่มขึ้นจากเดิมนั้น ผลจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมา
พบว่ากระบวนการส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายผ่านการจัดเวทีสานเสวนาหาทางออกตาม
แนวทางประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือนั้น สามารถส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละด้านดังนี้
1) ผู้เข้าร่วมเวทีมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น
ผลจากแบบทดสอบชี้ให้เห็นว่าเวทีเสวนาหาทางออกสามารถช่วยเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่
ผู้เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมเวทีเสวนาได้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการจัดเวทีเสวนาโดยมีการเสริมความรู้ความเข้าใจ
ก่อนเริ่มต้นแลกเปลี่ยนนโยบายระหว่างผู้สมัครและผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้น สามารถเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ
ให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้ โดยผลจากการศึกษาพบว่าผู้ที่เข้าร่วมเวทีเสวนาร้อยละ 90.44 ได้คะแนนเพิ่ม
มากขึ้นหลังเข้าร่วมเวที ผู้เข้าร่วมเวทีเสวนามีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นว่าการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิ
ขายเสียงไม่ใช่การฮั้วกันแต่มีเป้าหมายเพื่อการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้การเลือกตั้งสิ้นสุดลงด้วยความ
สมานฉันท์ โดยได้คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 6.55 เป็น 8.08 คะแนน แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความรู้
และความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการดำเนินโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงทั้งในแง่
หลักการและกฎหมายเพิ่มมากขึ้นภายหลังเข้าร่วมโครงการ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้เข้าร่วมร้อยละ 9.55 ที่ได้
คะแนนเท่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้ผู้วิจัยวิเคราะห์ว่ามีเงื่อนไขอย่างน้อย 2 ประการที่ส่งผลต่อความรู้ความเข้าใจดังกล่าว
74