Page 72 - 22353_Fulltext
P. 72

2.ผลการนำแนวคิดของประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือและการสานเสวนาหาทางออกไป

               ประยุกต์ใช้เพื่อส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียง
                       ผลการศึกษาพบว่าหลักประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือตามทฤษฎีนั้นสามารถประยุกต์ใช้และส่งเสริม

               ให้เกิดขึ้นได้ผ่านกระบวนการสานเสวนาได้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียง

               อย่างน้อย 3 ประการ ประการแรกเป็นเรื่องของจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ประการที่สองเป็นเรื่องของคุณภาพ

               ในการเลือกตั้งที่สะท้อนได้จากจำนวนของคดีความเกี่ยวกับการเลือกตั้งและประสบการณ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

               ที่มีต่อการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงที่มีการดำเนินโครงการ และประการที่สามเป็นเรื่องของความสามานฉันท์การ
               ยอมรับผลการเลือกตั้งของผู้สมัครและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง


                       จำนวนผู้ไปใช้สิทธิ


                       ข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชัยภูมิ ชี้ให้เห็นว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั้ง

               สองระดับ ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ และ ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมือง

               ชัยภูมิ มีจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าร้อยละ 60 กล่าวคือ ขณะที่ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหาร
               ส่วนจังหวัดชัยภูมิ พบว่ามีผู้ไปใช้จำนวน 484,304 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 542,152 คน คิดเป็นร้อย

               ละ 60.786  ส่วนการเลือกนายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 19,143 คน จากจำนวนผู้

               มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 27,555 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 69.47


                       จำนวนของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งที่ไม่ได้ลดลงไปจากเดิมแม้จะมีความพยายามส่งเสริมให้การเลือกตั้ง

               ไม่มีการใช้จ่ายทรัพย์สินเงินทองเพื่อแลกกับคะแนนเสียงเช่นนี้ เมื่อประกอบกับบทสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างของผู้

               มีสิทธิเลือกตั้งที่สะท้อนว่าการมอบทรัพย์สินเงินทองมาช้ากว่าปีที่ผ่านมา ดังที่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนหนึ่งให้
               สัมภาษณ์ว่า “เมื่อก่อนมากันแล้ว แต่ปีนี้ยังไม่เห็นเลย การเลือกตั้งปีนี้ไม่คึกคัก” จึงอนุมานได้ว่า แท้จริงแล้ว

               การไปใช้สิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจไม่เกี่ยวกับว่าผู้มีสิทธิได้รับเงินทองหรือไม่ แต่พวกเขาเลือกที่จะไป

               เพราะว่าเป็นหน้าที่และไปใช้สิทธิของตนอยู่แล้ว จำนวนของผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธินั้นจึงเกี่ยวข้องกับการไปใช้สิทธิ

               ไม่ได้มากกว่าไม่ใช่ความตั้งใจที่จะไม่ไปใช้สิทธิ โดยจากการสัมภาษณ์พบว่าผู้มีสิทธิบางส่วนอาศัยอยู่นอกพื้นที่

               และไม่สะดวกกลับไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง ขณะที่ผู้มีสิทธิบางส่วนก็เป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถออกมาใช้สิทธิ

               ได้ ในแง่นี้เรื่องของการใช้ทรัพย์สินเงินทองจึงเป็นไปเพื่อมุ่งหวังในชัยชนะมากกว่าที่จะมุ่งหวังให้คนไปใช้สิทธิ

               ใช้เสียง ปรากฏการณ์นี้มีความน่าสนใจว่าคำกล่าวที่ว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น” แท้จริงแล้วอาจกำลังเกิดความ
               เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้


                       การไม่ซื้อสิทธิขายเสียง


                       ในส่วนของการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งเป็นเป้าหมายระดับโครงการนั้น ในที่นี้ผู้วิจัยเลือกใช้แนว

               ทางการสัมภาษณ์ประกอบกับการสำรวจผลการฟ้องร้องเรื่องการหาเสียงที่ไม่บริสุทธิยุติธรรมควบคู่กัน ซึ่งผล



                                                                                                       71
   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77