Page 67 - 22353_Fulltext
P. 67
การจัดเวทีปราศรัยหาเสียงแบบแต่ก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการสังเกตการหาเสียงในพื้นที่ของผู้วิจัยที่จะพบการ
หาเสียงด้วยรูปแบบรถแห่เป็นหลัก ซึ่งมีวิ่งให้เห็นกันทั่วไปในช่วงฤดูกาลเลือกตั้ง โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เปิดผ่าน
ลำโพงรถแห่มีหลากหลาย ตั้งแต่เพลง สโลแกน นโยบายสั้นๆ เป็นต้น ด้วยการที่ผู้สมัครเลือกใช้รถแห่ในการหา
เสียงเช่นนี้อาจเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้การหาเสียงในลักษณะกล่าวหาว่าร้ายลดลงตามไปด้วย เนื่องจากเนื้อหา
ที่บันทึกไว้ส่วนใหญ่มักเป็นเนื้อหากลางๆเน้นไปที่สโลแกนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพราะด้วยความที่รถแห่มักวิ่งผ่าน
พื้นที่ต่างๆอย่างรวดเร็วทำให้ไม่สามารถนำเสนอเนื้อหายาวๆได้แต่ต้องเป็นเนื้อหาที่สั้นกระชับได้ใจความและ
จับใจ ดังนั้น ในการหาเสียงด้วยรูปแบบรถแห่ส่วนใหญ่มักได้ยินแต่สโลแกนและเพลง มีในบางกรณีที่ผู้สมัครใช้
รถแห่ไปจอดตามที่ชุมชนต่างๆเช่นตลาดนัดก็อาจมีการเปิดข้อความที่บันทึกในเชิงนโยบายเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมือง
ชัยภูมิ ก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันเล็กน้อย ข้อมูลจากการสังเกตุและสัมภาษณ์ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่การเลือกตั้ง
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดส่วนใหญ่ผู้สมัครเลือกที่จะใช้รถแห่ไปตามที่ต่างๆ ทว่าในการเลือกตั้ง
นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมินั้นผู้สมัครเลือกที่จะใช้รูปแบบรถแห่ผสมผสานกับการเปิดเวทีย่อยตามชุมชนต่างๆ
ประกอบกัน ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ชี้ให้เห็นว่าเรื่องขนาดของพื้นที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้รูปแบบการหาเสียง
ของผู้สมัครในสองระดับนี้แตกต่างกัน ในกรณีของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นพื้นที่หาเสียงกว้างใน
ระดับจังหวัดการเปิดเวทีหาเสียงทุกอำเภอจึงแทบเป็นไปไม่ได้ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน ดังนั้น ในการหาเสียง
เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงใช้รถแห่เป็นวิธีการหลัก ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าพวกเขาได้เจอกับ
ผู้สมัครอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่ก็จะปรากฎตัวโดยการยืนหลังรถแห่ที่ขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีบ้างที่พวกเขาได้เจอ
กับผู้สมัครซึ่งหน้าแต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆที่เพียงพอให้ผู้สมัครได้ยื่นนามบัตรแนะนำตัวพร้อมสโลแกนของ
ตนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสที่ประชาชนจะได้ยินคำปราศรัยที่อาจมีลักษณะโจมตีจึงลดลง กระนั้น เมื่อ
กล่าวถึงลักษณะของการหาเสียงที่ชาวบ้านได้พบข้อมูลจากการสัมภาษณ์ชี้ให้เห็นว่าโดยเนื้อหาแล้วก็มีความ
เปลี่ยนแปลงไปไม่ได้มีลักษณะโจมตีผู้ใด “ส่วนใหญ่เขาก็พูดเรื่องของเขาเอง ไม่ได้ว่าใคร” ชาวบ้านคนหนึ่ง
กล่าว
ในทางกลับกันบรรยากาศการหาเสียงในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิกลับมีความเข้มข้น
มากกว่า ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะในการหาเสียงของผู้สมัครนายกเทศมนตรีนั้นมีลักษณะผสมผสานระหว่างรถ
แห่และการจัดเวทีในชุมชน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีโอกาสที่ผู้ปราศรัยจะกล่าวถึงเรื่องต่างๆได้มากขึ้น และมีความ
เสี่ยงที่จะมีการพาดพึงถึงฝ่ายอื่นได้มากขึ้นด้วย ผลจากการสังเกตุการหาเสียงของผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมือง
ชัยภูมิทางไลฟสดผ่านเฟสบุ๊คของพวกเขาพบว่ามีอยู่บ้างที่ผู้สมัครจะกล่าวตัดพ้อการหาเสียงที่ยังมีการนำเรื่อง
ส่วนตัวไปพูดว่าร้ายกันลับหลังเพื่อลดความน่าเชื่อถือของผู้สมัครคนอื่น อย่างไรก็ตาม ในเวทีปราศรัยเรามักไม่
เห็นการโจมตีกันอย่างหนักหน่วง แต่มักเป็นการนำเสนอนโยบายแนะนำทีมงานและขอโอกาสจากผู้มีสิทธิ
66