Page 34 - kpi22237
P. 34
28
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นหรือการประชุมคอคัสแล้วผู้แทนที่ได้รับเลือกจะเข้าร่วม
การประชุมระดับชาติที่แต่ละพรรคได้จัดขึ้น โดยวัตถุประสงค์หลักของการประชุมระดับชาติ ได้แก่ การลงคะแนน
เสียงเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งต าแหน่งประธานาธิบดีในนามของพรรค รวมถึงการลงคะแนนเสียง
เลือกผู้ที่จะด ารงต าแหน่งรองประธานาธิบดี (Vice President) ในกรณีที่ผู้สมัครต าแหน่งประธานาธิบดีของพรรค
ชนะการเลือกตั้ง และการร่างนโยบายต่างๆของพรรคในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง (Platform) การประชุม
ระดับชาตินี้จะจัดให้มีขึ้นในทุกๆ 4 ปีตามรอบการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีการเลือกตั้งในทุกๆ 4 ปี ซึ่งใน
การประชุม แต่ละครั้งจะมีวาระการประชุม กฎเกณฑ์ และพิธีการที่ชัดเจน โดยปกติในการประชุมระดับชาติจะมี
ระยะเวลาทั้งสิ้น 4 วัน ในสองวันแรกจะมีการประชุมเพื่อร่างนโยบายและจุดยืนของพรรคส าหรับการรณรงค์
หาเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น รวมไปถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ และ
การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ส าหรับวันที่สามของการประชุมซึ่งนับว่าเป็นวันที่มีความส าคัญ
เนื่องจากจะมีการลงคะแนนเสียงเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งต าแหน่งประธานาธิบดีในนามของพรรค
และในวันสุดท้ายของการประชุมจะเป็น การประกาศผู้ที่ได้รับเลือกให้ลงสมัครรับเลือกตั้งต าแหน่งประธานาธิบดี
ในนามของพรรค และ การกล่าวสุนทรพจน์ของผู้ที่ได้รับเลือก รวมถึงการคัดเลือกผู้ที่จะด ารงต าแหน่ง
รองประธานาธิบดี ซึ่ง การประชุมระดับชาตินี้เป็นกระบวนการที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชน
และสื่อต่างๆ ซึ่งจะมีการติดตามรายงานข่าว และเผยแพร่ภาพออกไปอย่างกว้างขวางให้ประชาชนและผู้ที่สนใจ
ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และเมื่อแต่ละพรรคการเมืองได้ผู้สมัครรับเลือกตั้งต าแหน่งประธานาธิบดี ดังกล่าวแล้วก็จะ
เริ่มด าเนินการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งส าหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงต่อไป
ในส่วนของการเลือกตั้งทั่วไป (general elections) ส าหรับการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีของประเทศ
สหรัฐอเมริกานั้น หากมองเพียงผิวเผินอาจดูเหมือนว่าประชาชน เป็นผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง แต่ในทาง
ทฤษฎีแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เนื่องจากการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการเลือกตั้งผ่าน
“คณะผู้เลือกตั้ง” (electoral college) ตามที่ก าหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา ในมาตรา 2 ข้อ 1
ที่ก าหนดว่าแต่ละรัฐจะต้องมีการคัดเลือก “ผู้ท าหน้าที่เลือกตั้ง” (electors) ตามวิธีการที่แต่ละมลรัฐก าหนด
เช่น ก าหนดให้เป็นการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนหรือการประชุมพรรคการเมืองเพื่อคัดเลือกโดยมีจ านวนของ
ผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐเท่ากับจ านวนของวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐนั้นรวมกัน โดยผู้ที่จะได้รับ
เลือกให้เป็นผู้เลือกตั้งนั้นจะต้องไม่เป็นวุฒิสมาชิก หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้ด ารงต าแหน่งในองค์กรของ
รัฐหรือรัฐวิสาหกิจ และผู้เลือกตั้งจะท าหน้าที่ลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกผู้ที่จะได้ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี โดยผู้ที่
ได้คะแนนเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง (absolute majority) จากคณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้ด ารง
ต าแหน่งประธานาธิบดี แต่หากมีผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงเท่ากันและเป็นคะแนนเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งมากกว่าหนึ่งคน
สภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่จะได้ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี และหากมีกรณีที่ไม่มีผู้ที่ได้รับ
คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งเลย สภาผู้แทนราษฎรจะด าเนินการลงคะแนนเลือกตั้งจากรายชื่อผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด
ห้าอันดับแรก โดยแต่ละรัฐจะมีตัวแทนที่สามารถลงคะแนนได้เพียงรัฐละหนึ่งเสียงเท่านั้น นอกจากนั้นหลังจาก
ลงคะแนนเสียงเลือกผู้ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดีแล้ว คณะผู้เลือกตั้งจะด าเนินการลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกผู้ที่จะ
ด ารงต าแหน่งรองประธานาธิบดีต่อไป โดยผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดจะเป็นผู้ที่ได้ด ารงต าแหน่ง
รองประธานาธิบดี แต่หากมีผู้ที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดเท่ากันสองคนหรือมากกว่า วุฒิสภาจะเป็นผู้ลงคะแนน
เสียงเลือกผู้ที่จะได้ด ารงต าแหน่งรองประธานาธิบดี (สรรพัฒน์ 2554)