Page 54 - kpi22173
P. 54

“บทบาทสตรีถิ่นอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมูบานในการเสริมสรางการมีสวนรวมของชุมชน
                          เพื่อปองกันและควบคุมการแพรระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุใหม 2019 ในจังหวัดเชียงใหม”




                  ติดตอสื่อสารกับเพื่อน/อาจารย ดาวนโหลดสื่อการสอนและสงการบานรวมทั้งใชเพื่อบันเทิงดวยการดูหนัง

                  และฟงเพลง ทัศนคติและความคิดเห็นตอผลกระทบของสื่อสังคมออนไลนเปนเชิงบวก โดยเฉพาะดานการ

                  สื่อสาร ผลการทดสอบสมมุติฐานพบวา ตัวแปรเพศและคณะที่สังกัดตางกัน มีการใชสื่อสังคมออนไลน

                  เพื่อการเรียนรูไมแตกตางกัน แตใชเพื่อการดําเนินชีวิตแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05

                  สวนนิสิตที่เรียนในชั้นปที่ตางกัน มีการใชเพื่อการเรียนรูแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05

                  แตใชเพื่อดําเนินชีวิตไมแตกตางกัน นอกจากนี้ตัวแปรเพศ คณะและชั้นปที่ตางกัน มีทัศนคติตอสื่อสังคม
                  ออนไลนไมแตกตางกัน ตัวแปรทัศนคติกับความคิดเห็นตอผลกระทบของการใชงานสื่อสังคมออนไลน

                  มีความสัมพันธอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01


                             อิริยาพร อุดทา (2560) ศึกษาเรื่อง กลยุทธการสื่อสารสุขภาพออนไลนผานสื่อเฟซบุกของ

                  โรงพยาบาลพญาไท จากการศึกษาพบวา การสื่อสารสุขภาพออนไลนผานสื่อเฟซบุก มีเนื้อหาใหความรู

                  ทางการแพทยและมีรูปแบบการนําเสนอที่เปนบทความมากที่สุด และสามารถเขาถึงไดทุกชวงวัยทั้งชาย
                  และหญิง โดยผานการนําเสนอเนื้อหาสุขภาพที่สามารถนําไปประยุกตใชไดในชีวิตประจําวัน จนเกิดเปน

                  กลุมคนออนไลนที่คอยแบงปนสาระความรูใหแกกันและกัน แลกเปลี่ยนขาวสารผานสื่อสังคมออนไลน

                  ไดจริงและสามารถนําไปสูการพัฒนาระบบสุขภาพของสังคม ทําใหรูถึงวิธีปองกันโรคและเรียนรูที่จะพึ่งพา

                  ตนเองและเปนที่พึ่งใหกับผูอื่นได  ผลการศึกษาพบวา การสื่อสารสุขภาพออนไลนผานสื่อเฟซบุกแบง

                  ประเด็นตามวัตถุประสงคดานเนื้อหาเกี่ยวกับการสื่อสารสุขภาพออนไลนผานสื่อเฟซบุกและดานรูปแบบ
                  การสื่อสารเกี่ยวกับสื่อสุขภาพออนไลนผานสื่อเฟซบุก  สวนผลการใชกลยุทธการสื่อสารสุขภาพผานสื่อ

                  เฟซบุกเพจ พบวา ทําใหกลุมเปาหมายเขามามีปฏิสัมพันธและมีผูเขารับบริการหนาใหมเพิ่มขึ้นดวยการใช

                  กลยุทธรูปแบบการนําเสนอดวยการใชภาษาที่สื่อสารไดอยางชัดเจนตรงไปตรงมา และไมใชคํายากให

                  กลุมเปาหมายตีความผิดๆ ไมใชศัพททางการแพทยใหสับสน ผูรับสารอานเขาใจไดในทันทีดวยการนํา

                  เนื้อหาสุขภาพ รูปภาพประกอบที่ถูกลิขสิทธิ์มานําเสนอผานสื่อเฟซบุก สรางความนาเชื่อถือใหกับ
                  โรงพยาบาล มีแหลงอางอิงที่ถูกตองดวยการซื้อลิขสิทธิ์อยางถูกกฎหมายและมีประสิทธิภาพ เพื่อสราง

                  ความเชื่อมั่นใหเกิดกับกลุมเปาหมายใหเกิดทัศนคติเชิงบวก จนนําไปสูการพัฒนาระบบสุขภาพของสังคม

                  และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในเรื่องสุขภาพตอไปได


                             ณัฏฐกาญจน ศุกลรัตนเมธี และนุชประภา โมกขศาสตร (2562) ศึกษาเรื่อง การรูเทาทันสื่อ

                  สังคมออนไลนของเยาวชนเพื่อการเปนพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย  ผลการศึกษาแบงตัวชี้วัดการรู

                  เทาทันสื่อสังคมออนไลนของเยาวชนในสังคมประชาธิปไตยแบงออกเปนสองกลุม ไดแก การรับขอมูลเขา
                  และการสงขอมูลออก  โดยตัวชี้วัดเกี่ยวกับการรับขอมูลเขา ประกอบดวย การมีทักษะในการเขาถึงขอมูล







                                                            53
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59