Page 390 - kpi21190
P. 390

390



                       ในงานการศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นว่า การรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ชมรม สมาคม หรือองค์กร                       ผู้นำมักนิยมรวบอำนาจไว้กับตัวเอง การทำงานจึงมีลักษณะสั่งการจากเบื้องบนลงมามากกว่าจะมี
               ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกีฬา กลุ่มดนตรี หรือองค์กรชุมชนอื่นๆ ที่ชักนำให้ผู้คนมาพบปะคบ                       การริเริ่มจากเบื้องล่าง ส่วนผู้น้อยจะต้องเกรงกลัว เคารพเชื่อฟังและอ่อนน้อมยอมจำนนต่อผู้มี
               ค้าสมาคมกันด้วยความสมัครใจนี้จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม ก่อให้เกิดความไว้วางใจ                     อำนาจ มีหน้าที่รับคำสั่งและปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น ไม่นิยมการโต้แย้ง ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะ
               ต่อกัน (trust) และเกิดความช่วยเหลือเกื้อกูลและความร่วมมือกัน ลักษณะความสัมพันธ์ดังกล่าว                    ชอบธรรมหรือไม่  ดังจะเห็นได้จากวัฒนธรรมทางการเมืองแบบอำนาจนิยม ที่มีในระบอบ
                                                                                                                                          17
               นี้เรียกว่า “จารีตแบบพลเมือง” (civic tradition) และความไว้วางใจต่อกัน และความช่วยเหลือ                     การปกครองในทุกระดับที่มักรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง โดยมีผู้บังคับบัญชาในระดับสูง เช่น

               กันเช่นนี้ Putnam เรียกว่าเป็น “ทุนทางสังคม” (social capital) อย่างหนึ่งแล้ว ในที่สุด                      ผู้อำนวยการระดับกรม กอง สำนัก เป็นผู้มีอำนาจสั่งการจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง ยิ่งส่งเสริม
               Putnam ได้ข้อสรุปที่สำคัญของการศึกษาว่า “ความมั่งคั่งไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดชุมชนที่เข้มแข็ง                 การเกิดโครงสร้างการบริหารจัดการภาครัฐ ที่มีผู้บังคับบัญชาสั่งการไว้ที่ส่วนกลางและหัวเมือง
               แต่สังคมหรือชุมชนที่เข้มแข็งต่างหากที่ก่อให้เกิดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนขึ้น” อันสะท้อนให้เห็นว่า          ใหญ่ๆ ในภูมิภาคมากขึ้น จากปรากฏการณ์เช่นนี้ ยิ่งทำให้การบริการโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ใน
               วัฒนธรรมทางการเมืองมีผลต่อระบบสังคมเป็นอย่างมาก                                                            การดำเนินการของรัฐ เช่น ด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษาไม่สามารถกระจายอำนาจ
                                                                                                                          การบริหารลงสู่ชุมชนท้องถิ่นได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมจนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของ
                         ในตอนหลังการศึกษาเรื่อง วัฒนธรรมทางการเมืองได้นำไปสู่การพัฒนาแนวคิด เรื่อง                       สังคมขึ้น

               “การมีความรับผิดชอบของพลเมือง” (Sense of civic Responsibility) อันทำให้ระบอบ
               การเมืองแบบประชาธิปไตยมีความยั่งยืนเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดความคิดของผู้คน ในเรื่อง                           3.2  วัฒนธรรมทางการเมืองที่ผู้คนเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้นหรือสนใจต่อกิจกรรม
               ความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงแนวคิดเรื่อง “ประชาสังคม” เสียใหม่ ในความหมายและ                           ทางการเมือง
               ขอบเขตของการมีกลุ่ม ชมรม หรือสมาคมที่มีการรวมตัวกันอย่างอิสระ ซึ่งหมายความรวมถึง                                   กล่าวคือ คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจกิจกรรมทางการเมือง หรือเรื่องราว
               องค์กรธุรกิจ กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ และชมรม สมาคม สโมสรต่างๆ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว                              ที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ โดยทั่วไปจะพอใจในสถานภาพเดิมที่เป็นอยู่ของตน และ

               แนวความคิดเหล่านี้ก็สามารถสืบย้อนไปได้ถึงแนวความคิดของ Alexis de Tocqueville ใน                            ยอมรับสภาพที่เสียเปรียบไม่เป็นธรรมของตนเอง โดยถือว่าเป็นเรื่องของบุญกรรม โชคชะตาหรือ
               ศตวรรษที่ 19 ที่ได้พยายามอธิบายถึงการสร้างสถาบัน อันเกี่ยวข้องกับความเสมอภาคของ                            วาสนา ดังเช่น ภายใต้ระบบกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีความสำคัญสูงต่อปัจจัยด้านการประกอบอาชีพ
               มวลมนุษย์ (egalitarian institutions) และการสร้างประชาธิปไตยในทางปฏิบัติของผู้คนในการ                       เกษตรกรรม อันเป็นอาชีพหลักของผู้คนในสังคมไทยและเป็นพื้นฐานในการสร้างความมั่นคง
                                                        16
               เข้าร่วมเป็นกลุ่ม ชมรม หรือสมาคมของพลเมือง  ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้ เราจึง                     ในการดำรงชีวิตนั้น เมื่อประชาชนพบว่า มีการบุกรุกที่สาธารณะบางแห่ง แต่ประชาชนในท้องถิ่น
               เห็นได้ว่า ปัญหาเชิงวัฒนธรรมทางการเมือง และพฤติกรรมของผู้คนในสังคมมีความสัมพันธ์กับ                        ก็มิได้เกิดความกระตือรือร้นเพื่อเรียกร้องที่ดินอันเป็นพื้นที่สาธารณะของชุมชนท้องถิ่นตนกลับคืนมา
               ความเหลื่อมล้ำทางสังคมเป็นอย่างมาก และประเด็นปัญหาเรื่องนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น                     หรือพยายามเข้าไปมีอำนาจในการตรวจสอบการใช้ที่ดินของรัฐใดๆ ทำให้ประชาชนไม่ได้ใช้สิทธิ
               ในการอภิปรายตามหัวข้อลำดับต่อไป
                                                                                                                          อันชอบธรรมในการอนุรักษ์ทรัพยากรของส่วนรวม และบางครั้งเป็นการเปิดโอกาสให้แก่กลุ่ม
                                                                                                                          นายทุน ข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองบางรายเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ครอบครองที่ดิน
               3. พื้นฐานวัฒนธรรมทางการเมืองไทยที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทาง                                             สาธารณะโดยมิชอบ และสร้างความร่ำรวยให้กับกลุ่มตนอันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

               สังคม                                                                                                      ของสังคมไทยด้านการถือครองที่ดิน 18



                    ในสังคมไทยมีพื้นฐานวัฒนธรรมทางการเมืองของผู้คนหลายประการ ที่ส่งผลต่อการพัฒนา                               3.3  วัฒนธรรมแบบเจ้าขุนมูลนาย และการจัดลำดับฐานะสูงต่ำในความสัมพันธ์
               ด้านการเมือง และมีผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม และยังเป็นปัจจัยสำคัญ                        ระหว่างบุคคล
               ที่ก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย เช่น                                                           บุคคลและยอมรับความไม่เท่าเทียมกันจึงมักให้ความสำคัญกับเจ้านายหรือผู้มีอำนาจมากกว่า
                                                                                                                                  วัฒนธรรมทางการเมืองของสังคมไทยมีการจัดลำดับฐานะความสัมพันธ์สูงต่ำระหว่าง
        บทความที่ผ่านการพิจารณา   ผู้มีอำนาจ รวมทั้งมอบอำนาจและความรับผิดชอบในทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่ผู้นำ ทั้งนี้จะเห็นได้จาก  นับเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนผู้มีรายได้น้อยและคนร่ำรวยมีทรัพย์สิน
                    3.1  วัฒนธรรมทางการเมืองแบบอำนาจนิยม

                       กล่าวคือ คนไทยส่วนใหญ่ชอบการใช้อำนาจเด็ดขาด เคารพเชื่อฟังและอ่อนน้อมต่อ
                                                                                                                                                                                     19
                                                                                                                          เช่น ผู้มีอำนาจสามารถเข้าถึงการให้บริการของรัฐมากกว่าผู้มีรายได้น้อย  และระบบเจ้าขุนมูลนาย
                                                                                                                             17
                                                                                                                                ทินพันธุ์  นาคะตะ. (2543). ประชาธิปไตย. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สหายบล็อกและการพิมพ์.
               การปกครองในทุกระดับ นับแต่ครอบครัวไปจนถึงระดับชาติจะนิยมการใช้อำนาจบังคับให้มี
                                                                                                                                พรอัมรินทร์  พรหมเกิด. (2556). สังคมวิทยาการเมือง. พิมพ์ครั้งที่ 2. ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย
                                                                                                                             18
               การปฏิบัติตามมากกว่าการใช้หลักการและเหตุผลหรือการรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
                 16   Heywood, Andrew. (2007). Politics. (Third Edition). New York: PALGRAVE MACMILLAN.                     ขอนแก่น.

                                                                                                                             19
                                                                                                                                สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2557). อ้างแล้ว.
   385   386   387   388   389   390   391   392   393   394   395