Page 395 - kpi21190
P. 395
395
เหตุเพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเพียงพอต่อหน้าที่ความเป็นพลเมือง จะเห็นได้ว่าในสังคมประชาธิปไตยการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ หรือ
อันเนื่องมาจากในอดีตที่ผ่านมายังไม่เคยมีการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาพลเมือง หรือมีการสร้าง วัฒนธรรมแบบพลเมือง (civic culture) จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก การสร้าง
วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่อย่างครอบคลุม ครบถ้วนทุกมิติ เพราะฉะนั้นการจะมุ่งปลูกฝัง วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ในสังคมประชาธิปไตย ยังหมายถึงการกำหนดค่านิยมใหม่
ค่านิยมวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่จำเป็นต้องปลูกฝัง กล่อมเกลาบ่มเพาะในทุกมิติและ ทางการเมือง เพื่อนำไปสู่ความเป็นสังคมประชาธิปไตยที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
ทุกภาคส่วนของสังคม อันจะเป็นการสร้างคุณค่าใหม่ให้เกิดขึ้นกับทางสังคม ซึ่งสามารถ โดยต้องมีลักษณะองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้ 27
ดำเนินการได้ ดังต่อไปนี้
1) วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ ต้องทำให้เกิดการปฏิบัติการทางการเมืองร่วมกันด้วย
1) การอบรมบ่มเพาะในระดับสถาบันครอบครัว ต้องให้พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการ ความสมานฉันท์ และมีการส่งเสริมให้ภาคประชาสังคมได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
บ่มเพาะจิตสำนึกความเป็นพลเมืองให้กับเยาวชนตั้งแต่วัยเยาว์ โดยการบ่มสอนให้รู้จักคิด และกำหนดความเป็นไปเรื่องราวทางสังคมและการเมืองให้มากขึ้น
วิเคราะห์ ตระหนักถึงปัญหาของสังคมการเมืองว่า เป็นปัญหาที่สำคัญของทุกคนและต้องร่วมกัน
แก้ไข และการบ่มสอนให้รู้จักเคารพสิทธิ รักความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันของสมาชิก 2) วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ จะต้องทำให้เกิดค่านิยมใหม่ของผู้คนที่มุ่งไปสู่การ
ในสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากได้รับการอบรมบ่มเพาะเป็นเวลานาน จะกลายเป็นค่านิยมพื้นฐาน รวมตัวกันเป็นกลุ่ม สมาคม หรือองค์กร แล้วจะต้องทำให้เกิดแนวคิดหรือแนวทางปฏิบัติ ที่ทำให้
ในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ในระยะยาว ค่านิยมพื้นฐานเรื่องการสร้างความเสมอภาคและเท่าเทียมได้ถูกนำไปปฏิบัติจริง หรือเกิดแผนงาน
โครงการปฏิบัติการทางการเมืองที่สอดคล้องกับค่านิยมพื้นฐานเหล่านั้น
2) การเปิดสอนวิชาวัฒนธรรมแบบพลเมืองในสถาบันการศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ระดับ
โรงเรียนจนถึงสถาบันอุดมศึกษา เพราะสถาบันการศึกษามีครูผู้สอนที่ช่วยถ่ายทอดความรู้ และ 3) วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ ต้องส่งเสริมให้เกิดการอภิปรายปัญหาสาธารณะ
ประสบการณ์ความเป็นพลเมืองให้สามารถเข้าใจได้ง่าย ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จใน ในเรื่องการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างต่อเนื่อง และต้องมีการกระตุ้นให้เกิด
การสร้างพลเมืองแบบใหม่ จะมีการนำหลักสูตร “Civic Education” มาใช้ เช่น ในประเทศ การถกเถียงกันเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ในวัฒนธรรมทางการเมือง
เยอรมันและอิตาลี ซึ่งการจะสร้างความเข้าใจให้กับผู้คนในสังคมได้ จำเป็นต้องพึ่งพาระบบ แบบใหม่นี้ยังต้องการพื้นที่สาธารณะ เพื่อการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถกเถียงกัน
การศึกษาเป็นบทบาทกลางในการทำหน้าที่ให้เกิดการเรียนรู้ความเป็นพลเมืองอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่ความเข้าใจร่วมกันในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เกิดขึ้น
นอกเหนือจากสองประเทศดังกล่าว ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน มีการจัดการเรียนการสอน ในท้ายที่สุดแล้ว การพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่หรือแบบพลเมืองจะเกิดขึ้นได้
วิชา “วัฒนธรรมแบบพลเมือง” ในหลายโรงเรียน ดังนั้นหากสังคมไทยต้องการสร้างวัฒนธรรม ก็ต่อเมื่อเกิดการทำหน้าที่ของ “การเป็นพลเมือง” (Citizenship) ในกลุ่มคนส่วนใหญ่ของ
แบบพลเมืองให้เกิดขึ้นกับผู้คน จำเป็นต้องใช้ระบบการศึกษาในการส่งเสริมและสนับสนุน แต่ทั้งนี้ ประเทศอย่างแท้จริง จนกลายเป็นค่านิยมของประชาชนหมู่มากในสังคม คุณสมบัติของพลเมือง
การสร้างพลเมืองแบบใหม่ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรมทางการเมืองของ ที่เอื้อต่อหลักการประชาธิปไตยเพื่อสร้างความเท่าเทียมและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ไทยเป็นสำคัญด้วย 25 เช่น การคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน การรักความยุติธรรม มีความเห็นอกเห็นใจต่อ
เพื่อนมนุษย์และผู้ทุกข์ยาก การรู้จักใช้สิทธิของตนเองและรู้จักเคารพสิทธิผู้อื่น มีคุณธรรมและ
3) การใช้ช่องทางสื่อสารมวลชน (Social Media) เพื่อช่วยปลูกฝังวัฒนธรรมทาง
การเมืองแบบพลเมืองให้เกิดอย่างต่อเนื่อง ดังเช่น การใช้สื่ออินเทอร์เน็ตอย่างมีส่วนร่วม ในการ จริยธรรม มีความสำนึกในการมีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น มีความสนใจและกระตือรือร้นที่จะ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือประเด็นปัญหาสังคม เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง การกล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล
การเมืองอื่นๆ เพราะอินเทอร์เน็ตมีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารโดยไร้ข้อจำกัด ที่สร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมขึ้นให้ความสนใจติดตามควบคุมตรวจสอบการทำงานของ
เชิงภูมิศาสตร์ และสามารถรวมกลุ่มคนของสังคมขนาดใหญ่เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนสังคมที่มี รัฐบาลอย่างจริงจัง มีจิตสำนึกในการรวมกลุ่มเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสังคมและชุมชน หรือ
ความสนใจร่วมกัน อันจะเกิดการรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาความ อาจมีการรวมตัวกันคัดค้านโครงการที่ไม่มีเหตุผลพอ หรืออาจสร้างปัญหาส่งผลกระทบในทาง
28
เหลื่อมล้ำทางสังคมได้ 26 เสียหายต่อชุมชนท้องถิ่นในด้านต่างๆ เป็นต้น
25 ทิพย์พาพร ตันติสุนทร. (2553). ไปดู Civic Education ที่เยอรมัน (ตอนที่ 3) มนุษย์ไม่มียีน บทความที่ผ่านการพิจารณา
ประชาธิปไตยในตัวเอง. สถาบันนโยบายศึกษา. สืบค้นจาก http://www.fpps.or.th. 27 ประมวล รุจนเสรี. (2551). ปฏิวัติวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ : พรรคประชามติ.
26 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิดัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม. (2562). ความเป็นพลเมือง 28 พรอัมรินทร์ พรหมเกิด. (2557). “วัฒนธรรมทางการเมืองของประชาชนกับการพัฒนาประชาธิปไตย”
ดิจิทัล: พลเมืองแห่งศตวรรษที่ 21. สืบค้นจาก https://thaidigizen.com/contact/. วารสารวิชาการโรงเรียนนายเรือ (ฉบับปฐมฤกษ์) พ.ศ. 2557. หน้า 83 - 91.