Page 284 - kpi21190
P. 284
284
ประการที่สาม การกระจายอำนาจที่ดีต้องเป็นการสร้างโอกาสและความเข้มแข็งของ
ภาคประชาชน
ดังนั้น การกระจายอำนาจที่ดีจะต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งและโอกาสให้กับประชาชน
เพื่อเข้าร่วมในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างมีคุณภาพ เพราะการกระจายอำนาจเป็นการสร้าง
สมดุลระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนในบริบทของประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ประชาชนกลับไม่ได้เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง จึงนำมาสู่คำถามว่า การกระจายอำนาจจะเป็น
กลไกลดความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือ?
โดยแท้จริงแล้วนั้น การกระจายอำนาจสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะมิติของความเหลื่อมล้ำมีความหลากหลายซับซ้อน จะต้องใช้กลไกหลายกลไกเข้าไปแก้ไข
เพียงแต่การกระจายอำนาจเป็นกลไกหนึ่งที่สามารถเข้าไปแก้ไขหรือลดความเหลื่อมล้ำได้เพียง
ส่วนหนึ่งเท่านั้น ดังเช่นกรณีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่มักจะกล่าวเสมอว่า ช่องว่าง
ระหว่างคนรวยกับคนจนมีมาก หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่คนจนมีโอกาสในการเข้าถึง
ทรัพยากรต่าง ๆ ได้ไม่เท่ากับคนรวย เป็นต้น หากย้อนมองดูความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
ซึ่งกำลังประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นอย่างมาก เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน
โดยภูมิภาคที่มีความยากจนมาที่สุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคที่มีความมั่งคั่ง
มากที่สุด คือ กรุงเทพมหานครและภาคตะวันออก ส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากการจัดสรรทรัพยากร
ที่ไม่เท่าเทียมกัน มีเพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่มีการกระจุกตัวของทรัพยากรมากกว่าพื้นที่อื่น
ทั้งหมดนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐ
เองก็พยายามแก้ไขมาเป็นเวลานานแล้ว หากแต่ปัญหาก็ไม่ได้ลดลง จึงจำเป็นที่รัฐจะต้องคำนึง
ถึงความเป็นธรรมควบคู่ไปกับการแก้ไขเรื่องความเหลื่อมล้ำด้วย เพราะความเสมอภาค
โดยปราศจากความเป็นธรรมก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก
นอกจากนี้ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองก็เป็นอีกมิติหนึ่งที่ผู้คนต่างให้ความสนใจน้อยมาก
หากแท้จริงแล้วอาจเป็นต้นเหตุหนึ่งของความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆ เพราะกลุ่มผลประโยชน์ที่มี
โอกาสเข้าถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองมักเป็นกลุ่มทุนใหญ่และกลุ่มข้าราชการ ซึ่งมี
โอกาส มีทรัพยากร และมีความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอำนาจตัดสินใจทางการเมือง ด้วยเหตุนี้
การกระจายอำนาจจึงเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำดังกล่าวนี้ได้ หนึ่งในวิธีนั้นคือ
การกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนของประชาชน สามารถ
ที่จะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่ได้ จากการศึกษาวิจัยของ รศ.ดร.ปธาน
สุวรรณมงคล เกี่ยวกับนโยบายการลดความเหลื่อมล้ำนั้น ได้พบว่า กลุ่มตัวอย่างองค์กร
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5 ปกครองส่วนท้องถิ่น 1 ใน 2 แห่งเท่านั้นที่ผู้บริหารมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน
ขณะที่ส่วนใหญ่ดำเนินนโยบายที่มุ่งเน้นเรื่องการสงเคราะห์มากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพ
ความสามารถของประชาชนในระดับพื้นที่ เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐบาลไม่ได้ดำเนินนโยบาย
กระจายอำนาจอย่างเป็นรูปธรรม ผู้นำไม่มีความสนใจหรือไม่มี Political View ในการกระจาย