Page 246 - kpi21190
P. 246
246
ในอันตรายของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และการทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทาง
เศรษฐกิจเป็น “ประเด็นสาธารณะ” ที่มีการถกเถียงและรับรู้เป็นวงกว้างก็เป็นสิ่งที่มี
ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ประการที่สี่ ความสัมพันธ์ระหว่างความเหลื่อมล้ำกับประชาธิปไตย ไม่ได้เป็น
ความสัมพันธ์ที่เรียบง่าย และเกี่ยวข้องกับปัจจัยเพียงหนึ่งหรือไม่กี่ตัวเท่านั้น หากแต่เป็น
ความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อน เกี่ยวข้องกับทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการเมือง (Kenworthy,
2017) แม้ว่างานในยุคแรกจะพยายามชี้ให้เห็นถึงตรรกะความสัมพันธ์ระหว่างสองสิ่งนี้ ภายใต้
การคาดคะเนปฏิสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างชนชั้นนำ และมวลชนท่ามกลางเงื่อนไขของ
สถานการณ์ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามงานในยุคหลังที่ได้ทำการทดสอบเชิงประจักษ์กับ
กรณีศึกษาในลักษณะต่าง ๆ ทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ ได้ชี้ให้เห็นว่าในความเป็นจริง
ความสัมพันธ์ระหว่างความเหลื่อมล้ำและประชาธิปไตยอาจไม่ได้เรียบง่ายดังที่งานในช่วงแรก
ชี้ให้เห็น หากแต่เกี่ยวข้องกับปัจจัยและเงื่อนไขอื่น ๆ
ปัจจัยสำคัญที่มีการชี้ให้เห็นคือ “ศักยภาพของรัฐ” ซึ่งนักวิชาการหลายฝ่ายมองว่า
มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำจำเป็น
ต้องอาศัยศักยภาพของรัฐในหลากหลายลักษณะ ทั้งการดึงเอาทรัพยากรจากชนชั้นนำผ่าน
การเก็บภาษีลักษณะต่างๆ และการนำนโยบายไปปฏิบัติ หากกลไกของรัฐขาดศักยภาพแล้ว
การนำนโยบายไปปฏิบัติอาจไม่บรรลุผล ทั้งยังอาจส่งผลในทิศทางตรงกันข้าม ดังหลากหลาย
กรณีในลาตินอเมริกาที่การนำนโยบายทางสังคมไปปฏิบัติมักจะล้มเหลวเนื่องจากประสบกับ
ปัญหา “ระบบอุปถัมภ์” และส่งผลทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทวีมากขึ้น เช่นเดียวกับส่งผล
ในทางลบต่อความชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตย (Diamond, 2014) อีกหนึ่งปัจจัยที่มี
การชี้ให้เห็นคือการเข้าถึงปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยความเหลื่อมล้ำจะไม่ส่งผลต่อ
ประชาธิปไตยหากประชาชนส่วนมากยังสามารถเข้าถึงปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตได้
แต่เมื่อใดก็ตามที่ผลจากการพัฒนาเศรษฐกิจไม่ส่งผลทำให้ประชาชนเข้าถึงปัจจัยที่จำเป็นต่อ
การดำรงชีวิตได้ เมื่อนั้นเสถียรภาพของประชาธิปไตยจะได้รับผลกระทบตามมา (Reenock,
Bernhard and Sobek, 2007)
ประการที่ห้า หากทบทวนจากงานที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปไตยและ
ความเหลื่อมล้ำในเชิงประจักษ์ จะพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทั้งสองยังค่อนข้างสับสน
และยังไม่มีข้อยุติ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะเชื่อกันว่า 1) ความเหลื่อมล้ำจะส่งผลต่อการเปลี่ยน
จากเผด็จการอำนาจนิยมสู่ประชาธิปไตย 2) ความเหลื่อมล้ำส่งผลต่อการล่มสลายของ
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3 ประชาธิปไตย และ 3) ประชาธิปไตยจะส่งผลในเชิงบวกต่อการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
อย่างไรก็ตาม งานจำนวนไม่น้อยได้สะท้อนให้เห็นว่า 1) ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ส่งผลต่อ
การเปลี่ยนสู่ประชาธิปไตย (Muller, 1988; Houle, 2009; Teorell, 2010) 2) แม้ว่าใน
บางกรณีความเหลื่อมล้ำจะส่งผลต่อการล่มสลายของประชาธิปไตย แต่กรณีส่วนมากแล้ว