Page 90 - kpi20899
P. 90
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
5.2 การอภิปรายผล
การที่กระบวนการจัดการทรัพยากรน้้าของชุมชนหนองพันจันทร์สามารถด้าเนินไปตามแนวทาง
ของประชาธิปไตยชุมชนได้นั้น เกิดจากการที่ชาวชุมชนหนองพันจันทร์มีพลังแห่งการสร้างสรรค์อันเกิดจาก
ศักยภาพภายในตน จะเห็นได้ว่าระยะเวลาที่ยาวนานของคนที่อยู่ในชุมชนได้ท้าให้พวกเขาตระหนักในการ
ด้ารงอยู่ของสภาพทางวัตถุ ซึ่งหมายรวมตั้งแต่ดิน น้้า ป่าไม้ อากาศ อาชีพ ผู้คน กฎเกณฑ์ กติกา และ
วัฒนธรรมประเพณีต่างๆ หากมองว่าเป็นการขัดแย้งที่พวกเขามีต่อวัตถุเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ได้ใช้ระยะเวลา
อันยาวนานในการค่อยๆ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพของวัตถุเหล่านั้นให้เข้ากับทิศทางการด้ารงชีวิตมาโดย
ตลอด การเริ่มต้นจากการหักร้างถางพงเพื่อประกอบอาชีพ การทดลองปลูกพืชมากมายทั้งจากค้าโฆษณา
ชวนเชื่อของหน่วยงานรัฐและเอกชน จนเป็นหนี้สินท่วมท้น เรื่อยมาจนมีการรวมตัวร่วมแรงร่วมใจตั้งแต่
การประกอบอาชีพ ไปจนถึงการรวมตัวต่อสู้กับปัญหาหนี้สินจนปลดหนี้ได้หลายครัวเรือน ล้วนเป็นความ
พยายามต่อสู้และดัดแปลงสภาพวัตถุภายนอกตามแนวคิดพลังแห่งการสร้างสรรค์ของ คาร์ล มาร์กซ์
(อ้างในบุญศักดิ์ แสงระวี, 2559 และ Ritzer, 1992) ทั้งสิ้น พลังแห่งการสร้างสรรค์นี้เองที่ท้าให้การเข้ามา
ของโครงการอ่างเก็บน้้าตามพระราชด้าริมิได้เป็นเพียงวัตถุที่พวกเขาได้รับพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัว
แต่ไม่สามารถน้าไปจัดการอะไรได้มากกว่าการรอคอยการบริหารจัดการของรัฐ แต่พวกเขากลับพยายาม
ที่จะต่อสู้ดิ้นรนและดัดแปลงอ่างเก็บน้้านี้ให้เอื้อประโยชน์ต่อพวกเขาได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และ
สิ่งหนึ่งที่ท้าให้กลุ่มผู้ใช้น้้ายังคงพลังแห่งการสร้างสรรค์ได้จนถึงทุกวันนี้ก็อาจเป็นเพราะการท้างานของ
พวกเขามิได้เป็นความแปลกแยก กล่าวคือ ทั้งที่ดิน แรงงาน และกิจกรรมในอาชีพของพวกเขา เป็นไปเพื่อ
สนองความต้องการของตนเองและผลก้าไรที่ได้ก็เป็นของตนเอง เราแทบไม่พบแรงงานรับจ้างในชุมชน
หนองพันจันทร์ ทุกคนต่างเป็นเจ้าของที่ดินและกิจการในเรือกสวนไร่นาของตนเอง ซึ่งการที่แรงงาน และ
กิจกรรม ไม่แปลกแยกออกจากกันนี้เองที่ท้าให้พลังแห่งการสร้างสรรค์ยังคงด้าเนินต่อไปได้ (Ritzer, 1992)
จิตส้านึกร่วมและแบบแผนความร่วมมือเป็นสิ่งที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นตามแนวราบ เป็นความสัมพันธ์
ที่เสมอภาคอันเกิดในภาวะที่ชุมชนอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางและรัศมีของการปกครอง คนในชุมชนจึงคบค้า
สมาคมกันแบบเพื่อนและญาติพี่น้อง ไม่มียศศักดิ์ หรือล้าดับช่วงชั้นการร่วมไม้ร่วมมือในชุมชนจึงท้าให้
ชุมชนที่มีการพึ่งพาอาศัยกันและมีเครือข่ายของการติดต่อสัมพันธ์กันในกิจกรรมสาธารณะของชุมชน
จะท้าให้คนในชุมชนมีความกระตือรือร้น มีน้้าใจและมีจิตส้านึกสาธารณะ ความสัมพันธ์ของคนในสังคม
เป็นไปอย่างเสมอภาค สายใยหรือเครือข่ายความสัมพันธ์ทางสังคมถูกถักทอด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
89