Page 91 - kpi20899
P. 91
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
ชุมชนที่มีลักษณะเช่นนี้จะสามารถตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนได้ดีกว่าชุมชนที่มีลักษณะ
ตรงกันข้ามคือ ความสัมพันธ์ทางการเมืองเป็นไปในแนวดิ่ง ชีวิตสังคมด้าเนินไปแบบต่างคนต่างอยู่ และ
คนอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความไว้วางใจต่อกัน (อ้างถึงใน นภาภรณ์ หะวานนท์ และคณะ, 2550 : หน้า
49-50)
ความรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชนและพื้นที่ ตลอดจนทรัพยากรในชุมชน นับเป็นเงื่อนไขส้าคัญอีก
ประการที่ท้าให้คนในชุมชนมีความหวงแหน มีจิตส้านึกที่จะพิทักษ์รักษาและปกป้อง รวมถึงต้องการที่จะ
ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของตนเอง นับเป็นการใช้สิทธิของตนเองตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญว่าด้วย
สิทธิชุมชน และบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประชาชน โดยที่คนในชุมชนหนองพันจันทร์ มีความ
พยายามที่จะวางแผนการจัดการน้้ามาเป็นเวลานับสิบปี เริ่มจากการลองผิดลองถูกและพยายามประสาน
กับหน่วยงานรัฐและเอกชนในภาคส่วนต่างๆ อย่างเข้มแข็งมั่นคงและต่อเนื่อง ด้วยวิธีการทางการเมืองเชิง
สันติวิธี กล่าวได้ว่าชุมชนมีส่วนร่วมกับภาคการเมือง องค์กรรัฐ และส่วนราชการในการก้าหนดนโยบาย
การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การตัดสินใจทางการเมือง การตรวจสอบการใช้อ้านาจรัฐ ทั้งระดับ
ต้าบล จังหวัด และระดับชาติ รวมถึงการมีส่วนร่วมติดตามผลการด้าเนินโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้้าของ
ภาคการเมือง องค์กรรัฐและส่วนราชการอย่างต่อเนื่อง มีการเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอันเกิด
จากการพัฒนาแหล่งน้้าแห่งนี้อยู่ตลอดเวลา และในท้ายที่สุดกระบวนการดังกล่าวได้ท้าให้ประชาชนผู้ใช้น้้า
ทุกภาคส่วนของหนองพันจันทร์เข้ามาเป็นศูนย์กลางของการบริหารจัดการน้้าโดยตรง มากกว่าที่จะให้
หน่วยราชการอย่างกรมชลประทานรับผิดชอบด้าเนินการเองทั้งหมด เป็นทั้งการมีส่วนร่วมและแบ่งเบา
ภาระของภาครัฐลงไปได้อย่างมาก ท้าให้เจ้าหน้าที่ชลประทานในพื้นที่มีเพียงท่านเดียวในการประสาน
ระหว่างกรรมการผู้ใช้น้้ากับชลประทานจังหวัดมีการปรึกษาหารือและวางแผนบริหารจัดการน้้าอย่างยั่งยืน
ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งถือได้ว่าสอดคล้องกับ นลินี กังศิริกุล และส้าเภาว์ งามเชย
(อ้างถึงใน ทศพล สมพงษ์, 2555: หน้า 81-82) ที่ได้ประมวลแนวคิดของประชาธิปไตยชุมชนไว้ 4 ประการ
รวมถึงท้าให้ความหมายของค้าว่าประชาธิปไตยชุมชนมีความชัดเจนในทางปฏิบัติ กล่าวคือกระบวนการ
ที่ให้ประชาชน คนจน คนรวย ทุกกลุ่มอาชีพ ทุกวัย ทุกเพศ มาใช้สิทธิร่วมกันในการบอกปัญหาความ
ต้องการของตนเอง เพื่อน้าไปสู่การก้าหนดนโยบายและวางแผนการพัฒนาชุมชนในทุกด้านที่ตอบสนองกับ
ความต้องการและแก้ปัญหาของชุมชน ที่มีความเป็นธรรม รวมทั้งคนร่วมกันปฏิบัติตามแผนและติดตาม
ตรวจสอบการท้างานร่วมกันระหว่างท้องถิ่นท้องที่ (สน รูปสูง, 2554 : หน้า 1) การตัดสินใจร่วมกันของ
ชุมชนหนองพันจันทร์ในการจัดการน้้าก็เป็นการตัดสินใจบนฐานของการปรึกษาหารือ เห็นพ้องต้องกัน
90