Page 109 - kpi20889
P. 109

บทที่ 4 การดําเนินงานของโรงเรียนโรงเรียนจีนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว    98



               โรงเรียนเอี้ยงใชถึงเสนาบดีกระทรวงธรรมการ ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) ระบุวา มีผูที่

               อาศัยอยูในโรงเรียน ถูกตํารวจจับพรอมกับสมุดเอกสารทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาจีนกลาวถึงการ
               เผยแพรลัทธิคอมมิวนิสต และเอกสารอีกหลายฉบับเปนจดหมายโตตอบกลาวถึงการเผยแพรลัทธิคอมมิวนิสต

               แมวาตามคําบอกเลาของครูใหญ โรงเรียนจะไมมีสวนเกี่ยวของในการเผยแพรลัทธิคอมมิวนิสตในโรงเรียน แต

               ผูจัดการก็ขอเลิกโรงเรียนเพราะเหตุดังกลาว เพราะทําใหโรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยไมมีเหตุผลอื่น ๆ อีก


                       (2.3) โรงเรียนเฮียบยุก 2

                       โรงเรียนเฮียบยุก 2 เปนโรงเรียนจีนวิสามัญศึกษา เปนโรงเรียนของชาวจีนแคะ สอนภาษาจีนแคะ
               และภาษาไทย มีคนที่อาศัยอยูในโรงเรียนถูกจับฐานเปนคอมมิวนิสต โรงเรียนไดรายงานขอเลิกลม เมื่อวันที่

               11 กุมภาพันธ พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929)


                       (2.4) โรงเรียนมี่กัง

                       เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) เจาหนาที่ตํารวจไดจับกุมครูประจําโรงเรียนมี่กัง ซึ่ง

               เปนโรงเรียนของชาวจีนแตจิ๋ว จํานวน 4 คน ขอหาเผยแพรลัทธิคอมมิวนิสตในโรงเรียน พรอมกับหนังสือที่
               เกี่ยวของ เปนเอกสารภาษาจีนซึ่งอธิบายถึงลัทธิคอมมิวนิสต เปรียบใหเห็นถึงความแตกตางระหวางคนยากจน

               และคนมั่งมี และควรจะทําประการใดเพื่อจะปรับปรุงใหอยูในระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังสงเสริมใหคนจน

               ตอสูกับการกดขี่ของคนมั่งมีอีกดวย71
                                            72
                       ในที่สุด แมวาผูจัดการจะปฏิเสธวาไมมีสวนเกี่ยวของกับการเผยแพรลัทธิคอมมิวนิสต และไดขอเลิก

               ลมโรงเรียนเสีย เพราะการที่คนในโรงเรียนถูกจับดวยขอหาคอมมิวนิสตไมวาจะจริงหรือไมก็ตามลวนทําให

               โรงเรียนเสียชื่อเสียง แตทั้งผูจัดการและครูใหญ (นั่นคือ รอยตรีอิ่ม แตกุล อดีตครูใหญโรงเรียนเอี้ยงใช) ถูก
               กระทรวงธรรมการตั้งความรังเกียจ ไมใหเปนผูจัดการหรือครูใหญที่ไหนอีกตอไป สวนครูทั้งสี่ถูกเนรเทศ



                       เปนที่นาสังเกตวา หากโรงเรียนใดถูกจับไดวามีครูหรือผูที่พักอาศัยอยูในโรงเรียนเปนคอมมิวนิสต
               ผูจัดการโรงเรียนนอกจากจะกลาววาตนเองไมมีสวนเกี่ยวของแลว ยังเลิกลมโรงเรียนเสียเองอีกดวย โดยอางวา

               โรงเรียนไดเสียชื่อเสียงเพราะบุคคลที่เปนคอมมิวนิสตเหลานั้น เหตุที่เปนเชนนี้ เพราะการปฏิบัติของกระทรวง

               ธรรมการที่มีตอฝายคอมมิวนิสตเขมงวดกวาโรงเรียนฝายกกมินตั๋งมาก หากถูกจับไดวามีการสอนลัทธิ
               คอมมิวนิสตในโรงเรียน จะถูกลงโทษถึงขั้นเนรเทศ

                       การที่สยามมีบทลงโทษขั้นรุนแรงกับบุคคลที่เปนคอมมิวนิสตนั้น สันนิษฐานวาสวนหนึ่งอาจเปน

               เพราะเหตุการณการปฏิวัติในประเทศรัสเซียในป พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) รวมถึงการปลงพระชนมพระเจา




                       72  ณรงค พวงพิศ, นโยบายเกี่ยวกับการศึกษาของคนจีนในประเทศไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว,

               63.
   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114