Page 35 - kpi20764
P. 35
34
(25) ต้องมีการบังคับกฎหมายอย่างจริงจัง และกำาจัดระบบ
อุปถัมภ์ ซึ่งสามารถกระทำาได้ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วน
ต่างๆ ทั้งนี้ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควรมีบทบาทและพื้นที่ในการ
เข้ามามีส่วนร่วมในการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะได้มากขึ้น หากภาครัฐ
ยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลผลการดำาเนินการของภาครัฐอย่างโปร่งใสและ
ตรวจสอบได้ให้แก่สาธารณชนและสื่อมวลชนรวมถึงนักวิชาการได้
ตรวจสอบ และติดตามความคืบหน้า ทั้งนี้ ในกฎหมายคุ้มครองผู้แจ้ง
เบาะแสอาจจะกำาหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ให้ข้อมูลมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
ปัญหาอันกระทบต่อประโยชน์ดังกล่าว โดยกำาหนดให้หน่วยงานของ
รัฐเมื่อดำาเนินการตรวจสอบข้อมูล ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า
เป็นข้อมูลอันเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หน่วยงานของรัฐต้องแจ้ง
ผลการดำาเนินการหรือการสอบสวนในเรื่องที่มีการให้ข้อมูลแก่ผู้ให้ข้อมูล
เว้นแต่เป็นเรื่องที่กฎหมายห้ามเปิดเผยหรือกระทบต่อบุคคลใด
(26) ใช้สื่อออนไลน์เพื่อสร้างแรงกดดัน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยี
ในการให้เบาะแสเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว อีกทั้งจะต้องมีการพัฒนา
ช่องทางการเข้าถึงหน่วยงานต่างๆ ให้มากกว่านี้ เป็นต้นว่าการกำาหนด
วิธีการรับข้อมูลด้วยทางวาจา โทรศัพท์ โทรสาร ทางไปรษณีย์ ทางระบบ
อินเทอร์เน็ท (internet) หรือจากสื่อมวลชน เพื่อช่วยเหลือทุกคนได้อย่าง
เท่าเทียม เช่น ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
(27) จัดให้มีการจำาแนกให้ชัดว่า ผู้ร้องที่เชื่อว่าข้อมูลที่ตนมีนั้น
ถูกต้องจริงๆ แต่เป็นข้อมูลเท็จกับผู้ร้องที่มีเจตนาไม่สุจริตแต่แรก
เพื่อกำาหนดมาตรการที่เหมาะสมกับการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเพื่อกลั่นแกล้ง
ให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ กลุ่มแรกไม่สมควรต้องได้รับ
โทษแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลา
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 34 13/2/2562 16:41:38