Page 37 - kpi20764
P. 37
36
จากการศึกษากฎหมายของไทยที่เกี่ยวข้องกับการให้ความคุ้มครองผู้แจ้ง
เบาะแสหรื อเปิดเผยข้อมูลนั้นพบว่ากฎหมายมีอยู่กระจัดกระจาย
ทำาให้ขาดความเป็นมาตรฐานเดียวกันและไม่เหมาะสมเพียงพอที่จะใช้
ในการให้ความคุ้มครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนไม่สอดคล้องกับ
มาตรฐานสากลและกฎหมายของต่างประเทศที่มีความก้าวหน้าในการ
ให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสหรือเปิดเผยข้อมูล ดังนี้ จึงมีความจำาเป็น
ที่ประเทศไทยจะต้องดำาเนินการใดๆ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ดูแล และ
ปกป้องสวัสดิการของผู้เปิดเผยข้อมูล หรือผู้ให้เบาะแสภายใต้บริบทของ
สังคมไทย และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ตลอดจนสอดคล้อง
กับแนวทางปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ได้รับความเห็นชอบ
จากการลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม พุทธศักราช 2559 มาตรา 63
ซึ่งบัญญัติว่า “รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน และให้ความรู้แก่ประชาชน
ถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและ
ภาคเอกชน และจัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกัน
และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั้ง
กลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์
ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือชี้เบาะแส โดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามที่
กฎหมายบัญญัติ”
การสร้างความมั่นใจให้กับผู้แจ้งเบาะแสหรือเปิดเผยข้อมูล
และมีความกล้าที่จะให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานของรัฐ
เพื่อดำาเนินคดีดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเผชิญ
หน้ากับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม
สิ่งแวดล้อม การเมืองการปกครอง โดยการพัฒนาระบบกฎหมายและ
โครงสร้างของรัฐ รวมถึงการปรับปรุงระบบคุณธรรม ระบบจริยธรรม
มาตรฐานด้านความโปร่งใส และการทำาให้ภาครัฐมีความรับผิดรับชอบ
inside_WhistleBlower_c1(cs5).indd 36 13/2/2562 16:41:38

