Page 316 - kpi20764
P. 316
ปัญหาการปรับปรุงกฎหมายที่มีผลใช้บังคับอยู่ตามแนวทางปฏิรูปประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม: การเสริมประสิทธิภาพ
ด้านการคุ้มครองของผู้ให้ข้อมูล (Whistleblower) ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต การกระทำาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการใช้อำานาจไม่ถูกต้องซึ่งกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ 315
หมายจับเพราะถือเป็นการขัดต่อหมายเรียกของศาล แต่หากกล่าวถึง
การใช้มาตรการในการจูงใจผู้ให้ข้อมูลด้วยเจตนาสุจริต หน่วยงานมองว่า
เป็นการจูงใจในการให้ข้อมูลนั้นขัดต่อกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะต้องมี
การปลูกฝังความคิดในการต่อต้านการกระทำาการเชิงทุจริตมาตั้งแต่ต้น
จึงจะสามารถสร้างแรงจูงใจให้บุคคลแจ้งข้อมูลได้
ผู้ที่ใช้เจตนาไม่สุจริตในการแจ้งเบาะแสเท็จโดยมีจุดมุ่งหมาย
เพื่อทำาลายชื่อเสียงของผู้อื่น บุคคลนั้นจะต้องถูกฟ้องกลับข้อหา
แจ้งความเท็จ ซึ่งเรื่องร้องเรียนเหล่านี้มักจะไม่มีมูลและส่วนใหญ่ไม่ได้
ระบุผู้ร้องเรียนเพื่อป้องกันการถูกฟ้องกลับฐานแจ้งความเท็จ สุดท้าย
ทำาให้เรื่องร้องเรียนนั้นตกไปโดยที่ไม่สามารถเอาผิดกับผู้ร้องเรียนที่
ใช้เจตนาไม่สุจริตได้
นอกจากการประสานงานเพื่อส่งเรื่องในการคุ้มครองพยาน
ไปยังกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือเจ้าหน้าที่ตำารวจแล้ว หน่วยงานไม่ได้
มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นในต่างประเทศ อีกทั้ง
ในกระบวนการสอบสวนในชั้นศาลของประเทศไทยปัจจุบันยังไม่ได้
อนุญาตให้มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การสอบสวนผ่านวิดีโอคอล
เพื่อลดความเกรงกลัวของพยาน ทั้งนี้เพื่อให้ทนายฝ่ายตรงข้ามได้มี
การถามค้านเพื่อความยุติธรรมแก่ผู้ถูกร้องเรียน
ดังนั้น หน่วยงานจึงเห็นว่า ไม่มีความจำาเป็นในการออกมาตรการ
เพื่อคุ้มครองผู้ให้ข้อมูลหรือพยาน เพราะปัจจุบันก็มีกฎหมายกลาง
ในการให้การคุ้มครองพยาน และการเอาผิดจากการแจ้งความเท็จอยู่แล้ว
แต่เสนอว่าควรจะมีหน่วยงานกลางที่มารับผิดชอบในการคุ้มครองพยาน
โดยตรง
inside_WhistleBlower_c4(cs5).indd 315 13/2/2562 16:11:39