Page 256 - kpi20764
P. 256
ปัญหาการปรับปรุงกฎหมายที่มีผลใช้บังคับอยู่ตามแนวทางปฏิรูปประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม: การเสริมประสิทธิภาพ
ด้านการคุ้มครองของผู้ให้ข้อมูล (Whistleblower) ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต การกระทำาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการใช้อำานาจไม่ถูกต้องซึ่งกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ 255
4.3.2 มาตรการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน
การให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันในที่นี้ คือ การที่ผู้เปิดเผยข้อมูล
หรือเบาะแสจะได้รับเอกสิทธิ์ไม่ตกอยู่ภายใต้ความรับผิดทั้งทางแพ่ง
ทางอาญา ทางปกครอง หรือทางวินัยอันเกิดจากการเปิดเผยข้อมูลหรือ
การแจ้งเบาะแสนั้น การให้ข้อมูลหรือเบาะแสในประเทศไทยมีเพียง
หลักเกณฑ์ของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาที่กำาหนดให้ผู้ที่มาให้ถ้อยคำา
หรือให้วัตถุ เอกสาร หลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใด
แก่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็น
หนังสือจากผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา หรือผู้ที่จัดทำาและเผยแพร่
รายงานของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาตามมาตรา 30 มาตรา 31 และ
มาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการ
แผ่นดินของรัฐสภา พุทธศักราช 2542 ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา
หรือทางวินัยเนื่องจากการที่ตนเปิดเผยข้อมูล หรือให้วัตถุ เอกสาร
หลักฐาน หรือพยานหลักฐาน หรือจัดทำาและเผยแพร่รายงานแล้วแต่กรณี
276
ในขณะที่ข้อมูลในกฎหมายของประเทศออสเตรเลีย มลรัฐควีนส์แลนด์
มลรัฐวิกตอเรีย และมลรัฐแทสเมเนียได้กำาหนดให้การเปิดเผยข้อมูล
เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะที่ได้รับการคุ้มครองต้องเป็นการเปิดเผย
ตามที่กำาหนดไว้ในกฎหมายนี้ ผู้เปิดเผยข้อมูลจะได้รับการคุ้มครองโดย
ไม่ตกอยู่ภายใต้ความรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา ทางปกครอง หรือ
ทางวินัย ในการกำาหนดให้ผู้ให้ข้อมูลไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา
ทางปกครอง หรือทางวินัยนั้น นอกจากเป็นเอกสิทธิ์ที่ผู้ให้ข้อมูลหรือ
เบาะแสไม่เกิดความรับผิดแล้ว ยังเป็นมาตรการสำาคัญที่จูงใจให้บุคคล
เปิดเผยข้อมูลหรือแจ้งเบาะแสอีกด้วย
276 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา พุทธศักราช
2542 มาตรา 36.
inside_WhistleBlower_c4(cs5).indd 255 13/2/2562 16:11:37