Page 97 - kpi20440
P. 97
การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า 97
ครั้งที่ 20 ประจำาปี 2561
ประชาธิปไตยไทย: ก้าวย่างเพื่อการพัฒนา
ภาครัฐ ตระหนักในความส�าคัญของการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หน่วยงานภาครัฐที่ท�าหน้าที่ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล เช่น สถาบันพระปกเกล้า
คณะกรรมการการกระจายอ�านาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และก�ากับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เช่น กระทรวงมหาดไทย องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น ส�านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ หรือส�านักงานป.ป.ช. ตลอดจนรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานเอกชน ต่างให้ความส�าคัญกับ
การส่งเสริมให้หน่วยงานที่ตนเองเกี่ยวข้องบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล การส่งเสริมดังกล่าวปรากฏใน
รูปแบบการให้รางวัลทั้งในรูปตัวเงิน ประกาศ และโล่ประกาศเกียรติคุณ โดยการให้รางวัลครั้งแรกนั้นปรากฏ
ปี พ.ศ. 2544 โดยสถาบันพระปกเกล้า
จวบจนประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่ให้ความส�าคัญกับการมีกลไก
การปฏิรูปประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความร่วมมือของทุกภาคส่วน ยึดมั่นในความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน
และหลักธรรมาภิบาล ดังค�าปรารภถึงเจตจ�านงของรัฐธรรมนูญนี้ว่า
“...เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล เข้ามามีอ�านาจในการปกครอง
บ้านเมืองหรือใช้อ�านาจตามอ�าเภอใจ และการก�าหนดมาตรการป้องกัน และ บริหารจัดการวิกฤติการณ์
ของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ...ในการพัฒนาประเทศตามแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ
ซึ่งผู้เข้ามาบริหารประเทศแต่ละคณะ จะได้ก�าหนดนโยบายและวิธีด�าเนินการที่เหมาะสมต่อไป ทั้งยังสร้าง
กลไกในการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ที่ส�าคัญและจ�าเป็นอย่างร่วมมือร่วมใจกัน รวมตลอดทั้งการลดเงื่อนไข
ความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศมีความสงบสุข บนพื้นฐานของความรู้รักสามัคคีปรองดอง การจะด�าเนินการในเรื่อง
เหล่านี้ให้ลุล่วงไปได้ จ�าต้องอาศัย ความร่วมมือระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนกับหน่วยงานทั้งหลายของรัฐตาม
แนวทางประชารัฐภายใต้กฎเกณฑ์ ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและประเพณีการปกครองที่
เหมาะสมกับสถานการณ์ และลักษณะสังคมไทย หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาล
อันจะท�าให้สามารถ ขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างเป็นขั้นตอนจนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และ
ยั่งยืน” (ราชกิจจานุกเบกษา, 2560: 2)
ดังนั้น การประเมินระดับธรรมาภิบาล จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่หน่วยงานต่าง ๆ พยายามส่งเสริม
ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเกิดความตื่นตัว สร้างสรรค์นวัตกรรม พัฒนาคุณภาพ
การให้บริการภายใต้หลักคุณธรรม นิติธรรม โปร่งใส ความรับผิดชอบ ความคุ้มค่าและการมีส่วนร่วม เพื่อก่อให้
เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปีพ.ศ. 2544 นับจากการให้รางวัลครั้งแรกจนกระทั่งปัจจุบัน
(พ.ศ. 2561) กลับพบว่า การให้รางวัลธรรมาภิบาลแก่หน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทย ขาดการรวบรวมอย่าง
เป็นระบบ จากการศึกษาพบว่า มีหน่วยงานเพียงหน่วยงานเดียวที่รวบรวมไว้คือ สถาบันนโยบายสาธารณะ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่การรวบรวมองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รางวัลต่าง ๆ เช่น รางวัลดีเด่น
ด้านสตรีและครอบครัว ด้านการป้องกันการทุจริต ด้านด�าเนินงานวัฒนธรรม ด้านบริหารจัดการที่ดี ด้านตลาดดี
มีมาตรฐาน รางวัลผู้บริหารดีเด่นด้านการศึกษา รางวัลพระปกเกล้า รางวัลพระปกเกล้าทองค�า รางวัลความพยายาม
จัดเก็บภาษี และรางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน โดยจะพบว่า การรวบรวมฐานข้อมูลหน่วยงานนั้นจ�ากัดเฉพาะ