Page 92 - kpi20440
P. 92

KPI Congress 20th
           92
                    2018
              Thai Democracy on the Move




                      สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ให้ค�าจ�ากัดความธรรมาภิบาลว่า เป็นการปกครอง

              การบริหารจัดการ การควบคุมดูแลกิจการต่าง ๆ ให้เป็นไปในครรลองครองธรรม นอกจากนี้ค�าว่า การบริหาร
              จัดการที่ดี สามารถน�าไปใช้ได้ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดย “ธรรม” ที่กล่าวข้างต้น ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่

              หลักธรรมทางศาสนา แหมายรวมถึง ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมและความถูกต้องชอบธรรมทั้งปวง ซึ่งวิญญูชน
              พึงมีและพึงปฏิบัติ อาทิ ความโปร่งใสตรวจสอบได้ การปราศจากการแทรกแซงจากองค์กรภายนอกเป็นต้น


                      ส�าหรับประเทศไทยให้ความส�าคัญกับการน�าแนวคิดธรรมาภิบาลมาปรับใช้ในระบบราชการอย่าง

              จริงจัง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้รับแรงผลักดันอย่างมากจากกระแสโลกาภิวัตน์ ปัญหา
              เศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงสภาวะการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาค ประเทศไทยจึงจ�าเป็นต้อง

              พัฒนา ปฏิรูปโครงสร้าง และวิธีการปฏิบัติของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ดังนั้น จึงมี
              การศึกษาและน�าแนวคิดของธรรมาภิบาลมาผสมผสานกับรูปแบบการปกครองที่ใช้อยู่ และมีการผลักดันให้เป็น

              หลักในการสร้างการปกครองที่ดีของประเทศ จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. 2540 เมื่อประเทศไทยต้องประสบปัญหา
              วิกฤตเศรษฐกิจและการเงินภาวะแวดล้อมและเงื่อนไขการกู้วิกฤติเศรษฐกิจ ท�าให้รัฐบาลต้องหันมาให้ความสนใจ

              ประเด็นนี้อย่างจริงจัง โดยได้พิจารณาเห็นความจ�าเป็นที่ประเทศชาติต้องมีการบริหารกิจการบ้านเมืองและ
              สังคมที่ดี ซึ่งเป็นองค์ประกอบส�าคัญในการบูรณะสังคมและประเทศ เพื่อพลิกฟื้นภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ สร้าง

              ความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศเพื่อสามารถรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
              ได้อย่างทันสถานการณ์ ส่งผลให้รัฐบาลได้มีหนังสือลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ขอความร่วมมือจากมูลนิธิ

              สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยในการด�าเนินการค้นคว้า วิจัย เพื่อเสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมทั้งใน
              ระยะสั้นและระยะยาวในการแก้ปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาประเทศให้มี

              ความยั่งยืนถาวรโดยเร็ว จนในที่สุด ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มอบให้ส�านักงาน ก.พ. น�าผลการศึกษาและข้อเสนอ
              แนะดังกล่าวมาจัดท�าบันทึกเรื่องการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

              ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกับข้อเสนอแนะให้ออกเป็นระเบียบส�านักนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ส่วนราชการ
              ถือปฏิบัติ เรียกว่า ระเบียบส�านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. 2542

              และเริ่มมีผลบังคับใช้กับหน่วยงานของรัฐ ตั้งแต่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2542 โดยมีหลักพื้นฐานของการบริหารกิจการ
              บ้านเมืองและสังคมที่ดี 6 ประการ คือ 1) หลักนิติธรรม 2) หลักคุณธรรม 3) หลักความโปร่งใส 4) หลักความ

              มีส่วนร่วม 5) หลักความรับผิดชอบ และ 6) หลักความคุ้มค่า เมื่อประเทศไทยมีการปฏิรูปการบริหารราชการ
              แผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา
       เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อยที่ 2  หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 6 ก�าหนดไว้ว่าการบริหารกิจการบ้านเมือง
              3/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534 บัญญัติให้ก�าหนดหลักเกณฑ์
              และวิธีการปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ดังนั้นจึงมีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย



              ที่ดี เช่น การเกิดประโยชน์สุขของประชาชน การบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพเกิดความคุ้มค่า (ราชกิจจา-

              นุเบกษา, 2546 : 2)
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97