Page 211 - kpi20440
P. 211
การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า 211
ครั้งที่ 20 ประจำาปี 2561
ประชาธิปไตยไทย: ก้าวย่างเพื่อการพัฒนา
ประเด็นส�าคัญ คือการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่ท�าให้มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย การเรียนรู้ในระดับพื้นที่
ได้เองโดยไม่ต้องรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นตัวหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น ภาคประชาสังคมมีส่วนให้เกิด
การปฏิบัติการที่เป็นจริงได้ในระดับพื้นที่ และระดับการเปลี่ยนผ่าน และเกิดการปรับตัวมหาวิทยาลัยและส่วน
ต่าง ๆ จากการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน ไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ และสถาบันต่างๆมีส่วนร่วมในการท�างานร่วมกันต่อไปได้
รวมถึงการสร้างภาคีร่วมกันในอนาคตที่ยั่งยืนมีบทบาทต่อการท�างานของภาคประชาสังคมไปสู่การท�างานใน
อนาคตมากขึ้น ขณะเดียวกันท�าให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการก�าหนดจุดอนาคตในภูมิภาคเพื่อให้เห็นโอกาสใหม่ ๆ
ของประเทศไทยที่จะเป็นประเทศอาเซียนในปีหน้า บทบาทภาคประชาสังคมกับการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นน่าจะมี
ความส�าคัญมากที่จะท�าให้เรามีประสบการณ์การเรียนรู้ บทบาทเชิงสร้างสรรค์ บทบาทในการปรับปรุงตนเองของ
องค์กรต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ต่างๆไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนมากขึ้น นวัตกรรมที่พูดถึง ควรเป็นนวัตกรรมทางเครื่องมือ
ต่าง ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ นวัตกรรมแบบไหนที่ช่วยท�าให้เราเกิดความยั่งยืนมากขึ้น นวัตกรรมที่จะลดความ
เหลื่อมล�้าได้ ทั้งนี้หากนวัตกรรมจะมีความหมายจริง ๆ ต้องเรียนรู้กับภาคส่วนอื่น ๆ ในสังคมและเปิดทางที่จะ
ท�าให้โอกาสยกระดับการเปลี่ยนแปลงตัวเองและสร้างการท�างานร่วมกันในโลกที่ข้ามพ้นพรมแดน
4. ก้ำวย่ำงเพื่อลดควำมเหลื่อมล�้ำด้วยนวัตกรรมทำงสังคม :
งำนวิจัยโดยคนพิกำรจำกผู้คอยรับมำสู่ผู้ร่วมสร้ำง
สถานการณ์ความพิการในประเทศไทย จากการส�ารวจความพิการของส�านักงานสถิติแห่งชาติในปี
2555 พบว่า มีประชากรที่เป็นคนพิการประมาณ 1.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 2.2 ของประชากรทั้งประเทศ
โดยพบผู้หญิงสูงกว่าผู้ชายเล็กน้อย (ร้อยละ 2.3 และ 2.1 ตามล�าดับ) ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ เป็นกลุ่ม
อายุ 70 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 16.4) นอกจากนี้ยังพบว่า นอกเขตเทศบาลมีร้อยละประชากรที่พิการมากกว่าใน
เขตเทศบาล (ร้อยละ 2.5 และร้อยละ 1.5 ตามล�าดับ)โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีประชากรที่พิการสูงกว่าภาคอื่น (ร้อยละ 2.9 และ 2.8 ตามล�าดับ) และเมื่อพิจารณาตามลักษณะความพิการ
พบว่า เป็นประชากรที่มีความล�าบากหรือปัญหาสุขภาพที่เป็นข้อจ�ากัดในการท�ากิจกรรมมีร้อยละ 2.1
(1.4 ล้านคน) ประชากรที่มีความล�าบากในการดูแลตนเองหรือท�ากิจกรรมส่วนตัวมีร้อยละ 0.5 (0.3 ล้านคน)
หรือประชากรที่มีลักษณะความบกพรองทางร่างกาย จิตใจ หรือสติปัญญา มีร้อยละ 1.6 (1.1 ล้านคน)
(ส�านักงานสถิติแห่งชาติ, 2555)
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการได้มีการรณรงค์ให้คนพิการมาขึ้นทะเบียนเพื่อให้คนพิการ
ได้รับเบี้ยยังชีพ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากข้อมูลการจดทะเบียนคนพิการทั่วประเทศ มีจ�านวน 1,808,524 คน
หรือ ร้อยละ 2.75 ของประชากรทั้งประเทศ เป็นเพศชายจ�านวน 953,541 (ร้อยละ 52.72) และเพศหญิง
จ�านวน 854,984 คน (ร้อยละ 47.28) คนพิการในฐานะผู้ทรงสิทธิยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงสิทธิและบริการของ
รัฐในอีกหลายๆ ประการอย่างมีคุณภาพ ยังถูกเลือกปฏิบัติ และที่ส�าคัญ คือ ยังไม่มีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมอย่าง
จริงจังและทั่วถึงในทุกระดับ