Page 203 - kpi20440
P. 203
การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า 203
ครั้งที่ 20 ประจำาปี 2561
ประชาธิปไตยไทย: ก้าวย่างเพื่อการพัฒนา
ด้วยความเต็มใจที่มาจากการรู้แจ้งเห็นจริงร่วมกัน ทั้งๆที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการภาคประชาสังคม ทั้งที่มี
การยอมรับ มีการพัฒนาโดยหลายฝ่ายร่วมกัน เพราะในการประชุมที่ตึกสันติไมตรี เรื่องภาคประชาสังคมกับ
ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา นายกฯได้เรียกร้องให้ภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจ
ตลอดจนภาคส่วนอื่นมาช่วยกัน ในความเป็นจริงแล้วเป็นการยอมรับความจริงว่า รัฐบาลท�าอะไรโดยรัฐบาลโดย
ล�าพังไม่ได้ คืออ�านาจอย่างเดียวท�าอะไรไม่ได้ แต่น่าสังเกตว่าผู้คนหลายส่วนในสังคม เราคุ้นเคยกับการอาศัย
องค์กรเชิงอ�านาจ สนใจแต่ด้านการใช้อ�านาจการปกครองแบบนี้ และบางส่วนยังหวังแต่การแก้ปัญหาโดยอ�านาจ
เด็ดขาด เช่น พึ่งมาตรา 44 อยู่ สถานการณ์แบบนี้ใช้การรวมศูนย์อ�านาจมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้แต่จะ
ไม่ยั่งยืน แต่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงและสวนทางต่อหลักความยั่งยืนอันเป็นเรื่องหลักการส�าคัญที่ยังขาด
ความเอาใจใส่ประสานความคิดกัน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้จะพูดไปเป็นเรื่องล�าบากเพราะเราอยู่ในสถานการณ์
ที่ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่ สถานการณ์โลก สถานการณ์ปัจจุบันนั้นเป็นสถานการณ์ที่ควรจะมีการ
พินิจพิจารณาและตรวจสอบหรือมีการถกเถียงกันมากขึ้น เพราะว่าส่งผลกระทบไปถึงชะตากรรมร่วมกัน ที่เรา
อยู่แผ่นดินเดียวกัน อยู่ในโลกเดียวกัน เมื่อพูดเช่นนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศไทยได้รับเลือกจากประชาคมโลก
ให้เป็นประธานกลุ่ม 77 ซึ่งปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 100 กว่าประเทศ ซึ่งประเทศไทยได้จัดประชุมไปแล้วบ้าง
เราก็เป็นประธานการจัดประชุมความร่วมมือพัฒนาภูมิภาคเอเชีย (ACD) คือไม่น่าประหลาดใจเลยว่า รัฐบาลไทย
ถูกคาดหวังให้แสดงบทบาทส�าคัญเหล่านี้ว่า เราสร้างอนาคตที่ยั่งยืน แต่ว่าพื้นที่เสรีภาพ การร่วมคิดร่วมถก
เรื่องเหล่านี้ยังค่อนข้างถูกจ�ากัดอยู่มาก การที่การถกอนาคตที่ยั่งยืนยังไม่ได้เปิดเท่าที่ควร ถือเป็นอุปสรรคใหญ่
ของสังคมไทยที่กลับเพิ่มพูนความเสี่ยงหรือบางทีก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสังคมที่พูดอย่างท�าอย่างต่อไป
สภำวกำรณ์ทำงนโยบำย – ควำม (ไม่) สอดคล้อง
และกำร (ขำด) กำรบูรณำกำรในแนวรำบ
อยากกล่าวถึง สภาวการณ์ทางนโยบาย ค�าว่าสภาวการณ์หมายถึงเหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ คือ
สภาวะการตัดสินใจของรัฐบาลปัจจุบัน หลังจากที่นายกฯไปสัญญากับเขาแล้วในเรื่องอนาคตที่ยั่งยืน พลังงานและ
การลดภาวะเรือนกระจก รัฐบาลปัจจุบันจ�าต้องเผชิญสถานการณ์ท้าทายด้านการตัดสินใจทางนโยบาย 2 ด้าน
คือ ด้านหนึ่งจะต้องรับมือกับมิติใหม่ของประชาคมโลก และอีกด้านหนึ่งต่อสู้กับสภาวะนโยบายที่จ�ากัดพื้นที่ซึ่ง
เป็นมาแต่เดิมตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อ 4 ปีก่อน ณ จุดนี้จึงยังกล่าวได้ว่า ความคิดอ่านในปริมณฑลสาธารณะยัง
ถูกก�ากับควบคุมอย่างต่อเนื่องท�าให้มิได้สอดคล้องกับทิศทางใหญ่ที่เรียกร้องเรื่องความยั่งยืนและการบูรณาการ
การเน้นบูรณาการด้านกลไกเบื้องบนแต่ขาดบูรณาการแนวนอน
1) มาตรการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ quick fixes
2) ด้วยกลไก “ประชารัฐ” กับ “เศรษฐกิจฐานราก” “ไทยนิยม” และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การเงินระยะสั้น