Page 52 - kpi19903
P. 52
26
ดังนั้น การศึกษานี้จึงได้พิจารณาถึงความสัมพันธ์ของเศรษฐกิจและสังคมที่ประกอบด้วย การศึกษา
สถานภาพการท างาน อาชีพ และรายได้ ซึ่งคาดว่าตัวแปรเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนการแสดงออกถึง
พฤติกรรมการเลือกตั้ง ซึ่งจะท าให้เข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดอันมีภูมิหลังมาจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมได้
2.7 กรอบแนวคิดกำรวิจัยตัวแบบพยำกรณ์พฤติกรรมกำรเลือกตั้ง: กำรวิเครำะห์ระดับบุคคล
กรอบแนวคิดการวิจัยเพื่อพัฒนาตัวแบบพยากรณ์พฤติกรรมการเลือกตั้ง อันเป็นการวิเคราะห์ระดับ
บุคคลนั้นแสดงดังรูปที่ 2.2 พฤติกรรมการเลือกตั้ง คือ ตัวเลือกของการเลือกตั้ง (Voting choice) อันเป็นตัว
แปรจัดประเภทคือเลือกพรรคเพื่อไทย เลือกพรรคประชาธิปัตย์ หรือเลือกพรรคการเมือง อื่น ๆ
รูปที่ 2.2 กรอบแนวคิดการวิจัยเพื่อพัฒนาตัวแบบพยากรณ์พฤติกรรมการเลือกตั้ง (การวิเคราะห์ระดับบุคคล)
ตัวแปรต้นประกอบด้วย หนึ่ง ภูมิภาคและถิ่นที่อยู่อาศัย เนื่องจากการเมืองไทยมีความเป็นภูมิภาค
นิยมค่อนข้างชัดเจน สอง ตัวแปรด้านประชากร ได้แก่ อายุ เพศ ศาสนา เนื่องจากตัวแปรเหล่านี้พบว่ามี
ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเลือกตั้ง สาม ตัวแปรด้านสถานะทางสังคมเศรษฐกิจ อันได้แก่ รายได้
ระดับการศึกษา เพราะการเลือกตั้งอาจจะเป็นการสะท้อนความแตกต่างระหว่างกลุ่มคนที่มีสถานะทางสังคม
เศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ตัวแปรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแปรระดับบุคคล ในขนะที่ตัวแปรทางจิตวิทยา
การเมือง (Political psychology) อันได้แก่ ความนิยมและความเชื่อมั่นในนักการเมืองและพรรคการเมือง
การมีตัวแทนความคิดทางการเมือง นโยบาลและการประเมินผลงานของรัฐบาลและนักการเมือง เป็นตัวแปร
ระดับลึกลงไปถึงความคิดจิตใจของแต่ละคนน่าจะมีส่วนช่วยพยากรณ์ตัวเลือกของการเลือกตั้งได้ค่อนข้างดี
มากกว่าตัวแปรในสามกลุ่มที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เนื่องจากตัวแปรตามเป็นตัวแปรจัดประเภทที่มีมากกว่า
สองประเภทขึ้นไป วิธีการวิเคราะห์ที่ใช้จึงเป็นการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกพหุนาม (Multinomial logistic
regression analysis)
2.8 กรอบแนวคิดกำรวิจัยตัวแบบเชิงพื้นที่พยำกรณ์ผลกำรเลือกตั้ง: กำรวิเครำะห์ระดับเขตเลือกตั้ง
กรอบแนวคิดงานวิจัยตัวแบบเชิงพื้นที่พยากรณ์ผลการเลือกตั้งซึ่งเป็นการวิเคราะห์ระดับเขตเลือกตั้ง
โดยใช้ตัวแบบวิเคราะห์ถดถอยเชิงพื้นที่ (Spatial regression analysis) ดังรูปที่ 2.3 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้