Page 49 - kpi19903
P. 49

23



               ต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา พบว่าผลส ารวจของ Exit Poll พบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี มี
               แนวโน้มที่จะเลือกพรรคเดโมแคตร ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า  30 ปีขึ้นไปจะเลือกพรรครีพับลิกัน (A

               Gelman, 2010) ในทางตรงกันข้ามการศึกษาถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในปี 2004 พบว่า

               อายุและเพศนั้นไม่ปรากฏว่ามีอิทธิพลต่อการออกเสียงลงคะแนน (Wing & Walker, 2010)
                       ข้อมูลการส ารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) ปี 2553 โดยส านักงานสถิติแห่งชาติ

               พบว่าประเทศไทยส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธ ยกเว้นพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างสุด และพื้นที่

               กรุงเทพมหานครบางเขตที่นับถือศาสนาอิสลาม ผลการวิเคราะห์การเลือกตั้ง ปี 2548, 2550 และ 2554
               พบว่าภาคใต้เป็นภาคเดียวที่มีการเลือกพรรคประชาธิปัตย์เสมอมา จึงน าการนับถือศาสนาเข้ามาเป็นตัวแปร

               ในการวิเคราะห์ซึ่งอาจมีความสัมพันธ์ต่อผลการเลือกตั้ง ทั้งนี้ผลการศึกษาการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาพบว่า

               เชื้อชาติและศาสนามีผลต่อการเลือกประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา (A Gelman, 2010)
                       ในประเทศไทยพบว่าความนิยมต่อพรรคการเมืองและหัวหน้าพรรคการเมือง พบว่าคนที่มี   อายุมาก

               จะชื่นชอบพรรคพลังประชาชน และกลุ่มบุคคลที่อายุไม่มากนักจะมีความนิยมในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใน

               ระดับสูง (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a) นอกจากนี้ยังพบว่าคนที่มีแนวโน้มที่จะออกไปเลือกตั้งนั้น คือ ผู้ที่มี
               รายได้น้อยและมีอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ชนบท ไม่ใช่ผู้ที่มีรายได้สูงและอาศัยอยู่ในเขตเมือง (สุจิต บุญบงการ &

               พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว, 2527) ส าหรับอิทธิพลของลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีต่อการออกไปใช้สิทธิของคน

               กรุงเทพฯนั้น พบว่าผู้ที่มีระดับรายได้สูง มีระดับการ ศึกษาสูง (ชนชั้นกลาง) จะออกไปใช้สิทธิมากกว่าผู้ที่มี
               ระดับรายได้ต่ า มีระดับการศึกษาต่ า (ชนชั้นล่าง) (พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, 2541) และการเพิ่มขึ้นของอายุ

               ของบุคคลจะส่งผลให้ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองสูงขึ้นตามไปด้วย (ส านักวิจัยและพัฒนา สถาบัน

               พระปกเกล้า, 2545) และภูมิภาคที่อยู่อาศัยนั้นส่งผลต่อความแตกต่างในระดับของความสนใจในการเลือกตั้ง
               ของบุคคล (ส านักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า, 2548)

                       ทั้งนี้ปัจจัยประชากรที่ใช้ในการศึกษานี้ จึงประกอบด้วยเพศ อายุ และการนับถือศาสนา โดยข้อมูล

               เพศ เป็นข้อมูลจากกรมการปกครอง ปี 2553 และการนับถือศาสนาและอายุ เป็นข้อมูลจากการส ารวจภาวะ
               เศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) ปี 2553 โดยส านักงานสถิติแห่งชาติ


               2.6 สภำพเศรษฐกิจและสังคมและผลกำรเลือกตั้ง

                       สภาพเศรษฐกิจและสังคม (Socio - Economic) เป็นปัจจัยหลักที่ใช้ศึกษาพฤติกรรมการเมืองกัน

               อย่างแพร่หลาย ผลการวิจัยหลาย ๆ ชิ้น ทั้งของไทยและต่างประเทศพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลจะเป็นตัวก าหนด
               พฤติกรรมการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมของบุคคล เช่น

               รายได้ การศึกษา อาชีพ ที่อยู่อาศัย เป็นต้น (สุจิต บุญบงการ & พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว, 2527)

                       ระดับการศึกษานับเป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อทัศนคติทางการเมืองและพฤติกรรมทางการ
               เมือง เนื่องจากบุคคลที่มีระดับการศึกษาต่างกัน ย่อมจะท าให้เกิดความรู้สึกนึกคิดหรือพฤติกรรมการเมืองที่

               แตกต่างกัน การศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งของไทยปี 2550 พบว่าคนที่มี   ความนิยมต่อพรรคพลัง
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54