Page 36 - kpi19903
P. 36
10
2.2.1 การจัดประเภททฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกตั้ง
มีทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกตั้งเป็นจ านวนมาก ทั้งนี้การจัดประเภท (Classification) ของ
ทฤษฎี สามารถท าได้นับอนันต์วิธีการตามแต่จะก าหนดกฎเกณฑ์ในการจ าแนกอย่างไร ส าหรับการศึกษานี้ได้
จ าแนกตามกลุ่มสาขาวิชาออกเป็นสามกลุ่ม คือ หนึ่ง ทฤษฎีปัจจัยตัวก าหนด (Deterministic Theory) ซึ่ง
อธิบายจากมุมมองของประชากรศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ว่า ปัจจัยทางสังคมและประชากรเป็นสิ่งที่
ก าหนดพฤติกรรมการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิ์ สอง ทฤษฎีความส านึกเชิงเหตุผล (Consciously Rational
Theory) เป็นกลุ่มทฤษฎีจากสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ แม้กระทั่งทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตยก็มีรากฐานมา
จากการที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการลงคะแนนเสียงเพื่อให้ได้อรรถประโยชน์ของตนเองสูงสุด และ สาม ทฤษฎี
ทางสังคมวิทยา เช่น ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน (Exchange Theory) ซึ่งทฤษฎีการเผยแพร่นวัตกรรมจัดว่าเป็น
ทฤษฎีในกลุ่มนี้ นโยบายสาธารณะที่น าเสนอเป็นนวัตกรรมทางสังคมนั้น หากถูกใจประชาชนก็จะน าไปสู่การ
แลกเปลี่ยนข่าวสาร บอกต่อ และให้คะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นการตอบแทน เป็นต้น
1. ทฤษฎีปัจจัยตัวก าหนด (Deterministic Theory)
ทฤษฎีปัจจัยตัวก าหนด มีแนวคิดว่าปัจจัยด้านสถานภาพทางสังคมและประชากรเป็นตัวก าหนด
พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ทฤษฎีดังกล่าวเสนอว่าปัจจัยด้านสถานภาพทางสังคมอันเป็น ภูมิหลัง
ของบุคคลทั้งในระดับกว้างและลึกลงมา มีอิทธิพลอย่างส าคัญต่อพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ทฤษฎีนี้มีแนวความคิดพื้นฐานว่า ปัจจัยทางสังคม ได้แก่ ปัจจัยทางด้านเพศ อายุ อาชีพ รายได้
การศึกษา และที่อยู่อาศัย เป็นตัวก าหนดที่ส าคัญของพฤติกรรมการเมือง ซึ่งตัวแปรดังกล่าวมีอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงของบุคคล โดยเชื่อว่า บุคคลที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจสังคมเหมือนกัน มักจะ
ได้รับประสบการณ์และการอบรมกล่อมเกลาที่คล้ายคลึงกัน เพราะฉะนั้นจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า
คล้ายคลึงกัน ในทางตรงกันข้ามบุคคลที่อยู่ในสถานภาพทางเศรษฐกิจสังคมแตกต่างกันจะถูกหล่อหลอมโดย
ประสบการณ์ให้มีบุคลิกภาพ ทัศนคติ แรงจูงใจและความรู้สึก นึกคิดที่แตกต่างกัน ดังนั้น บุคคลจะแสดงออก
ในแบบแผนที่แตกต่างกัน (ฑิตยา สุวรรณะชฏ, 2527)
แนวคิดข้างต้นสรุปได้ว่า สถานภาพทางสังคมและประชากรเป็นตัวก าหนดพฤติกรรมการเมืองโดย
สามารถใช้เป็นค าตอบส าหรับความแตกต่างของพฤติกรรมการเลือกตั้งได้ในระดับหนึ่ง แนวความคิดนี้สามารถ
อธิบายถึงความแตกต่างของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งว่า คนกลุ่มใดตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเพื่อ
เป้าหมายใดหรือเพื่อผลประโยชน์อะไร
2. ทฤษฎีความส านึกเชิงเหตุผล (Consciously Rational Theory)
ทฤษฎีนี้เป็นตัวแบบหนึ่งของการน าแนวคิดเชิงเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเกี่ยวกับการตัดสินใจในการ
ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของบุคคล ซึ่งก็เป็นมุมมองหนึ่งที่น ามาใช้วิเคราะห์สาเหตุการตัดสินใจเลือกตั้งและ
ได้รับความนิยมเป็นอันมาก ทฤษฎีความส านึกเชิงเหตุผลเป็นแนวการศึกษาที่ให้ความส าคัญกับการบริหารการ
เลือกตั้งทั้งตัวผู้รับสมัครเลือกตั้ง พรรคการเมือง การรณรงค์หาเสียง นโยบายของพรรค การแจกจ่ายสิ่งของ